ฉันไม่เคยเจอผี แต่ชอบดูหนังผี และถ้ามีเพื่อนหรือคนรู้จักเอ่ยปากว่าจะเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับประสบการณ์เจอผีให้ฟังละก็ ฉันจะเป็นคนแรก ๆ เลยที่ขยับตัวเข้าใกล้เพราะอยากฟัง!
เชื่อว่าหลายคนก็คงเป็นเหมือนฉันใช่มั้ยล่ะ ?
และเรื่องผีที่ฉันเคยได้ฟังมาล่าสุดจากปากของพี่สาวที่สนิทกันคนหนึ่ง ก็ถูกยกให้เป็นเรื่องผีที่หลอนมากที่สุดเรื่องหนึ่งในใจ
นั่นก็ก็คือเรื่อง “ผีเมืองพม่า”

เรื่องมีอยู่ว่า พี่สาวคนนี้ไปเที่ยวประเทศพม่ากับสามี โดยเป็นการไปเที่ยวกับทัวร์ โปรแกรมสองคืนสามวัน และเมื่อการท่องเที่ยววันแรกผ่านไป ก่อนจะส่งลูกทัวร์เข้าห้องพักที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน ก็มีกำหนดการบอกจากไกด์นำเที่ยวว่าวันรุ่งขึ้นให้มาเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรมตอนหกโมงเช้า เพื่อจะได้กินข้าวและเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวตามโปรแกรมวันต่อไป
คืนนั้น ทั้งคู่เข้านอนกันไม่ดึกมากเพื่อเก็บแรงเอาไว้เดินเที่ยวต่อในวันรุ่งขึ้น แต่ด้วยตามประสาคนแปลกที่ พี่ผู้ชายก็เลยนอนไม่ค่อยหลับสนิทเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกับพี่ผู้หญิงที่หลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน พอตีสาม พี่ผู้ชายก็ลืมตาตื่นแบบไม่ง่วงแล้ว ก็เลยตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอน คิดว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้ว...ก็กลับมองเห็นบางสิ่งที่ริมหน้าต่างห้องพัก
ที่ห้องพักในโรงแรมนี้ เป็นห้องที่อยู่บนชั้น 5 และเป็นห้องที่ไม่มีระเบียง แต่มีหน้าต่างที่สามารถเปิดบานกระจกออกไปสูดอากาศข้างนอกได้ แต่ด้วยความที่เปิดแอร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้ต้องการจะเปิดหน้าต่าง จึงทำเพียงแค่เปิดม่านเอาไว้เพราะไม่อยากรู้สึกอุดอู้จนเกินไปนัก
พี่ผู้ชายมองเห็นผู้หญิงผมยาว แต่งชุดขาว ยืนหันหน้าในจังหวะก้มนิด ๆ (ตามสูตรผีในหนังไทยเป๊ะ) มองตรงมาทางพี่ผู้ชายแบบพอดิบพอดี!
พี่ผู้ชายไม่ลืมว่านี่คือชั้น 5 และที่ห้องไม่มีระเบียง ตรงหน้าต่างนั้นก็ไปชะโงกมองดูแล้วตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้วเปิดม่านดู เห็นถนัดตาว่าไม่มีชานพัก ไม่มีแม้แต่ขอบปูนเพื่อวางแอร์ด้านล่างแต่อย่างใด ที่สำคัญ คือ ห้องพักนี้อยู่ด้านติดถนน มองออกไปข้างนอกก็เจอแยกถนนใหญ่ ไม่มีตึกติดกันให้มองแล้วเข้าใจผิดเป็นอื่นไปได้
นั่นหมายความว่า ไม่มีใคร หรือพูดง่ายๆ ‘ไม่มีคน’ ที่จะสามารถไปยืนอยู่ตรงนั้นได้แน่นอน!
เล่ามาถึงตรงนี้ เหมือนมันจะไม่น่ากลัวอะไรเท่าไหร่นะ แต่ตอนที่ฉันได้ยินพี่ผู้หญิงเล่า ฉันกลัวมาก ด้วยความที่สนิทกันมากฉันจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องแต่งแน่ๆ และพอจินตนาการถึงการไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อนบ้าน บรรยากาศแบบนั้น ฉันก็ขนลุกขึ้นมาทันที เพราะตัวเองก็เคยเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวบ่อยๆ (แต่ยังไม่เคยเจอผี และไม่เคยคิดอยากเจอด้วย!)
ตอนที่ฉันมีโอกาสได้เจอกับพี่ผู้ชาย และได้ถามประสบการณ์ในการเจอผีเมืองพม่าชั้น 5 โดยตรงอีกครั้งจากเจ้าตัวด้วยความตื่นเต้นนั้น ฉันถามว่า “แล้วพี่ทำยังไงต่อคะ ไม่กลัวเหรอ ?” เพราะจากครั้งแรกที่ได้ยินจากพี่ผู้หญิงเล่านั้น คือพี่ผู้ชายปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไร รอจนกลับมาถึงเมืองไทยแล้วถึงได้เล่า
“กลัวสิเว้ย พี่ก็คนนะ” พี่ผู้ชายบอกแล้วหัวเราะ
“แต่จะให้ร้องโวยวายแล้วมันจะช่วยอะไร ยิ่งจะทำให้คนที่นอนอยู่มันยิ่งกลัวเข้าไปอีก จะพานเที่ยวไม่สนุกเอาเปล่าๆ รายนั้นกลัวแน่ๆ อยู่แล้ว พี่ก็ไม่อยากถูกผีหลอก ไม่อยากรู้ว่าถูกหลอกเป็นยังไง ก็เลยทำเป็นมองไม่เห็นซะ เดินไปปิดม่านแล้วหันหลังแม่ง! จากนั้นก็เข้าห้องน้ำ ไม่นานก็ใกล้ถึงเวลาต้องอาบน้ำเตรียมตัวลงไปข้างล่างกันแล้วนี่”
พอกลับมาถึงเมืองไทย พี่ผู้ชายจึงค่อยเล่าพี่ผู้หญิง และเป็นดังคาด พี่ผู้หญิงบอกว่าถ้าหากรู้ตั้งแต่ตอนนั้น หรือรู้ทันทีที่ตื่นละก็ นอกจากจะเที่ยวไม่สนุกแล้ว คงจะนอนไม่หลับในคืนที่สองเป็นแน่ เผลอๆ อาจมีตีตั๋วกลับเมืองไทยทันที
ด้วยเหตุนี้ เมื่อสุดท้ายของการสนทนา พี่ผู้ชายบอกฉันว่า “แต่เมืองพม่าสวยดีนะเว้ย น่าไป คราวหลังไว้ไปเที่ยวด้วยกัน ว่าแต่เอ็งนอนพักคนเดียวได้ใช่ไหม ?”
คำตอบของฉันจึงคือ “ขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ แหะๆๆๆๆ”