เพื่อนอนุบาล

เขียนโดย jum103 20/06/2018


มันผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว 
...ปกติของวันเปิดเทอม...ฉันต้องเหยียบคันเร่งออกจากบ้านแถวๆ ซาฟารี ก่อนหกโมง เพื่อไปส่งลูกๆ ป้ายแรกคือ คนเล็กที่อยู่ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนอนุบาล.....(ขอสงวนนาม) เส้นเสรีไทย    ถัดไปก็คนโต เส้นลาดพร้าว
... เย็นวันหนึ่ง  ช่วงหน้าหนาว ฉันแวะรับลูกคนเล็กช้ากว่าปกติ   หลังจากขับรถเข้าไปจอดในโรงเรียน(ปกติ เขาจะไม่ให้เข้าไป แต่วันนั้นมันเย็นมาก)  ก็มีคุณครูท่านหนึ่งเดินมาดักรอฉันก่อน 
 “พรุ่งนี้ ขอให้คุณแม่เอาของมาไหว้ศาลพระภูมิ ด้วยนะคะ”  คุณครูที่เดินมาดักรอฉันแจ้งให้ทราบ พร้อมกับชี้ไปที่ศาลพระภูมิของโรงเรียน   และท่านก็ชวนกันเดินไปด้วยกันตรงบริเวณนั้น พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า
“วันนี้นะคะคุณแม่  ระหว่างที่คุณครูนั่งรอผู้ปกครองมารับเด็ก   จู่ๆ  น้องเขาก็วิ่งมาหาคุณครูด้วยความตกใจและกอดครูไว้แน่น  ...บอกกับคุณครูว่า …”
อื่มม.......................
ฉันตั้งใจรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ...    จังหวะนั้นลูกสาวก็วิ่งเข้ามากอดพอดี  โดยมีคุณครูอีกท่านเดินตามหลังมา  ทำให้เราต้องหยุดการสนทนา  ดูจากสีหน้าคุณครูทั้งสองแล้ว  คงไม่อยากให้ลูกได้ยินอีกรอบ  จึงบอกให้ลูกเข้าไปรอในรถก่อน
ฉันยิ่ง ตื่นเต้น และขนลุกนิดหน่อย เมื่อคุณครูบอกให้เอาของมาไหว้ศาลพระภูมิอีกรอบ 
ฉันกวาดสายตาสำรวจ  และเดินไปรอบๆบริเวณศาลพระภูมิที่ตั้งเด่นสะดุดตา   เดาได้ว่าคงมีการไหว้ศาลอยู่ต่อเนื่อง  สังเกตจากดอกไม้ที่วางอยู่ หากแต่เริ่มจะโรยราในหน้าหนาว   ร่องรอยของน้ำตาเทียนที่เป็นทาง และก้านธูปที่คงค้างอยู่ในกระถางปัก
ฉันเริ่มยกมือไหว้ศาลพระภูมิ  และเดินไปกับคุณครูไปด้านหลังศาลพระภูมิ   
ไวกิ้งเล็กๆ สำหรับเด็กอนุบาล เหมาะสำหรับนั่ง 2 คน  ที่มีความเก่าอยู่ในตัว    ซึ่งวางถัดจากศาลพระภูมิไปนิดเดียว และของเล่นอีกหลายตัวที่วางเรียงรายพร้อมที่จะทำหน้าที่ของมันตลอดเวลา
“ลองให้ลูกสาวเล่าเองนะค่ะคุณแม่   อย่าลืมเตรียมของมาไหว้ศาลพระภูมิด้วยนะคะ”   คุณครูแจ้งย้ำฉันอีกครั้งก่อนจะออกจากโรงเรียน    ฉันรับปากตามที่คุณครูแจ้ง  และไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณครูทั้งสองท่าน
ระหว่างทางในรถ มีการสนทนากันตลอดเวลา  ลูกสาวยังมีอาการหวาดกลัวอยู่นิดหน่อย
“แม่.แม่ 
ตอนที่นั่งเล่นอยู่คนเดียว บนไวกิ้ง
เห็นเป็นใครไม่รู้มาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน   เขานั่งอยู่อีกฝั่งไวกิ้ง  
แต่มันมองไม่ค่อยชัด มันแปลกๆ เหมือนจะกวักมือเรียก
และได้ยินเสียงพูดด้วยนะแม่

เหงา  มั้ย ?   เหงา  มั้ย ?  

มา  เล่น  ด้วย  กัน  มั้ย?

ปึ้งก็ตกใจ เลย วิ่งไปหาคุณครู เพราะตอนนั้นเพื่อนๆเขากลับกันหมดแล้ว 
 แม่น่ะมารับปึ้งช้า  ทีหลังแม่มารับปึ้งไวๆ น่ะ” 

ลูกสาวเล่าให้ฟังขณะตอนอยู่บนรถ   และฉันก็รีบรับปากลูกทันที 

ลูกถามว่า  สิ่งที่เขาเห็น  และได้ยินนั้น คืออะไร?
ฉันบอกลูกไปว่า  เขาคือ เจ้าที่เจ้าทางที่คุ้มครองปกป้องภัยให้กับทุกคนในที่นั้นๆ ไม่ต้องกลัวหรอกลูก เขามาดี   ฉันก็ไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่ได้บอกไปจะถูกหรือผิด  แต่ดูแล้วลูกรู้สึกดีขึ้น  และไม่หวาดกลัวฉันก็พอใจ
รุ่งเช้า ฉันทำตามที่คุณครูท่านแนะนำ  และขอบคุณที่ดูแลลูกฉันเป็นอย่างดี ... เจ้าของโรงเรียนได้เข้ามาสนทนาด้วยในตอนหลัง  ถึงได้ทราบว่า  ที่ดินที่ติดกับรั้วโรงเรียนบริเวณศาลพระภูมินั้น เดิมเคยเป็นที่ฝังศพของชาวบ้านที่เป็นมุสลิม ....ฉันหันไปมองที่บริเวณนั้นด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก  นี่ฉันเอาลูกมาเรียนอนุบาลที่รั้วติดกันกับที่ที่เคยเป็นหลุมฟังศพหรือนี่!.   ก็พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา ไม่ใช่ความจริง   แต่มันก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นอารมณ์ที่บอกไม่ถูกจริงๆ 
ทำให้ย้อนคิดไปเมื่อหลายวันก่อนเช่นกัน คุณครูเล่าให้ฟังว่า  หาลูกดิฉันไม่เจอ ช่วยกันหา มาเจอเอาตอนจะเข้าเรียนแล้ว เพื่อนๆก็ช่วยกันหา  ลูกฉันนอนหลับอยู่ใต้โพเดียมค่ะ  
น่าแปลก ลูกไปนอนหลับทั้งที่มีเสียงเพลงเช้าๆ และการเล่นของเด็กๆทั้งโรงเรียน ไหนจะเพลงเคารพธงชาติอีก  เสียงประกาศทางลำโพงดังขนาดนั้น ทำไมลูกจึงไปหลับอยู่นานได้ขนาดนั้น ฉันครุ่นคิดอยู่คนเดียว 
...บริเวณที่ติดกับรั้วโรงเรียน มีต้นไม้ใหญ่ๆ อยู่ไม่กี่ต้น  ข้างๆมีบ้านไม้ทรงโบราณติดๆกัน  หากมองผ่านเลยไปฉันว่าน่าจะเป็นคลองแสนแสบ  

.....และ ก่อนออกจากโรงเรียน ไม่ลืมที่ฉันจะถามคุณครูท่านเมื่อวานว่า   ตกลงลูกสาวเล่าอะไรให้คุณครูฟังบ้างค่ะ?

...ครูขาๆ  เสียงใครไม่รู้  พูดว่า... 
เหงา มั้ย ? เหงามั้ย?  
มา เล่น ด้วย กัน มั้ย? 




แสดงความคิดเห็น



ความคิดเห็น


บทความนี้ยังไม่มีคนแสดงความคิดเห็น