ใครมานั่งข้างๆ

เขียนโดย unbeen 10/09/2022

               การเดินทาง สำหรับผมนั้นเป็นสิ่งที่ผมชอบมาก   ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล   ขอแค่ได้นั่งรถมองสองข้างทางที่มีตึกราบ้านช่อง แค่นี้ผมก็มีความสุขมากพอแล้ว  และเชื่อว่าหลายๆคนก็อาจจะชอบแบบเดียวกันกับผม    แต่ถ้าการเดินทางนั้นเราต้องได้ไปคนเดียว  และต้องเดินทางตอนกลางคืน  เพื่อนๆจะไปกันมั้ยครับ
สวัสดีนักอ่านทุกคนนะครับ   ผมชื่อต้นนะครับ  และประสบการณ์ขนหัวลุกในวันนี้  เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนที่ผมกำลังเตรียมตัวสอบปลายภาค ป. 6 ครับ และกำลังจะได้ไปต่อ ม.1 ที่โรงเรียนอื่น เพราะโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่นั้นมีแค่ถึง ป.6 ทำให้ผมหัวหมุนอยู่กับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบและเลือกโรงเรียนว่าจะอยากจะไปต่อที่โรงเรียนไหน  ผมอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะได้เข้าโรงเรียนดีๆตามที่ฝันไว้  แต่ค่าเทอมมันก็ช่างแพงแสนแพง   ผมเลยนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับแม่


(ต้น)            แม่ครับ ผมจะไปสอบโรงเรียนไหนดีอะแม่    แต่ละโรงเรียนมีแต่ค่าเทอมแพงๆ
(แม่)            ลองดูที่ที่มันถูกๆสิลูก    ถ้าแพงไปแม่ก็ส่งไม่ไหวนะ
(ต้น)            แต่โรงเรียนรัตนาผมก็อยากเข้านะแม่   ผมอยากเรียนที่นั่นจริงๆ (ชื่อโรงเรียนเป็นเพียงนามสมมุติ)
(แม่)            แล้วค่าเทอมมันเท่าไหร่ละ
(ต้น)            ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าหมื่น
(แม่)            แม่กำลังคิดว่าถ้าต้นเรียนจบป.6 แม่จะพาต้นไปเรียนต่อ ม.1 ที่ จังหวัดเลย เพราะอยู่ที่นี่แม่รับค่าใช้จ่ายไม่ไหว  แล้วแถวบ้านนอก ค่าเทอมก็ไม่ได้แพงเหมือนกรุงเทพด้วย


ในตอนนั้นผมอยากเรียนโรงเรียนรัตนามากๆ แต่ด้วยค่าเทอมมันแพงเกินความจำเป็น  และผมก็รู้ว่าแม่ผมไม่ใช่คนที่มีเงินมากมาย   ที่เป็นอยู่นี่ก็ต้องประหยัดสุดๆแล้ว  ทำให้ผมต้องกลับไปเรียนต่อที่บ้านเกิดของแม่


(ต้น)          งั้นก็ได้ครับ   แล้วเราจะเดินทางวันไหนละแม่
(แม่)          2  มีนาคม   
(ต้น)          ผมยังไม่สอบเลยนะแม่    ผมสอบ  6    7     8  มีนาคม  ทำไมแม่รีบกลับจัง
(แม่)          ก็เมื่อวานนะสิ    ป้าแอนโทรมา  บอกว่าลุงชัยเข้าโรงพยาบาล   แม่เลยอยากกลับไปเยี่ยมแกก่อน
(ต้น )         งั้นแม่จะไปก่อนผมหรอ
(แม่)         ใช่นะสิ   ถ้าต้นสอบเสร็จก็ตามแม่มาละกัน    
(ต้น)        โห่แม่   กรุงเทพ-เลย    มันไกลมากเลยนะ
(แม่)        แค่นี้เอง  ถ้ารอแต่แม่พาไป ก็ไม่รู็จักโตสักที


คนที่อ่านมาถึงตรงนี้   อาจจะสงสัยว่าทำไมให้เด็ก ป.6 เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว  จริงๆแล้วแม่ผมหัดให้ผมเดินทางเองตั้งแต่ ป.3 ครับ  ทีแรกผมกลัวมาก   ครั้งแรกคือ ผมได้ไป big c คนเดียวโดยการนั่งรถเมล์  ผมก็จะจำว่าสายนี้ไปไหน  สุดสายอยู่ตรงไหน  ใช้การจำในการเดินทาง   และหลังจากนั้นผมก็ไปไหนมาไหนเองได้   โดยที่ไม่ต้องมีคนพาไป   ถ้าถามว่ากลัวมั้ย   สำหรับผมไม่นะ  กลัวไม่ได้เที่ยวมากว่า ฮ่าๆๆๆๆ
.
.
.
.
หลังจากผมสอบเสร็จ  ผมก็เก็บเสื้อผ้าของตัวเองจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับจังหวัดเลย   ผมนั่งtaxi ไปลงที่  บขส.  หลังจากนั้นก็ไปซื้อตั๋ว   ผมเดินหาช่อง  กรุงเทพ-เลย สักพัก  เลยไปสะดุดที่ช่องสุดท้าย


(ต้น)                   ผมจะไปลงที่บางแว่ครับ  (สมมุติ)
(พนักงาน)           450  ค่ะ   น้องมากับใครคะ
(ต้น)                  ผมมาคนเดียวครับ 
(พนักงาน)         น้องเดินทางคนเดียวไม่กลัวหรอ
(ต้น)                  ผมชินแล้วครับพี่
หลังจากได้ตั๋วแล้วผมก็ไปรอรถที่ชานชลาที่  13  เที่ยวรถของผมออกประมาณ  19.50  นั่งรอสักพัก รถทัวร์ก็มาจอดที่ชานชลาที่ผมรออยู่   ผมขึ้นไปบนรถและได้เจอพนักงานประจำรถ
(พนักงาน)           ขอดูตั๋วหน่อยครับ    น้องมากับใครเนี่ย
(ต้น)                    ผมมาคนเดียวครับ
(พนักงาน)           โห เก่งนะเนี่ย  เดินทางคนเดียว,   อะน้องนั่งที่เบาะ B7 นะ


ผมก็เดินไปนั่งตามที่พี่พนักงานบอก   เมื่อถึงที่นั่งผมต้องตกใจกับสภาพเบาะของผมเพราะมันค่อนข้างเก่า   เหมือนรถคันนี้วิ่งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี   แอร์ก็ไม่ค่อยเย็นสักเท่าไหร่   แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมากมาย  แค่ถึงบ้านผมก็โอเครแล้ว    ผมได้นั่งที่ริมหน้าต่างพอดี   ทำให้ผมได้เห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน   และผมก็ไม่ลืมที่จะฟังเพลงไปด้วย   เพราะมันเป็นอะไรที่เข้ากันสุดๆ


(พนักงาน)                  น้ำค่ะ
(ต้น)                          ขอบคุณครับ


แต่ผมก็ต้องรู้สึกงงๆ  เมื่อพนักงานวางขวดน้ำไว้ที่เบาะข้างๆผมด้วย   ผมก็นั่งคนเดียวนะ  ทำไมมาวางไว้ที่เบาะข้างผมด้วย   สงสัยอาจจะมีคนมานั่งข้างผมล่ะมั้ง  ผมคิดในใจ
19.50  รถเริ่มเดินทางออกจาก บขส. ผมตื่นเต้นสุดๆที่จะได้เดินทางคนเดียว   ผมไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้มาก่อน  อย่างมากผมก็เดินทางแค่ภายในจังหวัด 

  
(พนักงาน)               ขนมค่ะน้อง
(ต้น)                       ขอบคุณครับ


แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อพนักงานวางขนมไว้ที่เบาะข้างผมเหมือนเดิม    รถก็ออกมาแล้วนะ    หรือว่าจะรับคนอื่นอีกรึป่าว  ผมได้แต่คิดไปต่างๆนาๆ ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้   ไม่ได้ถามพนักงานออกไป   ผมดึงผ้าห่มมาห่มคิดว่าจะหลับยาวเลย   พอถึงแล้วค่อยให้พนักงานมาปลุกก็ได้
.
.
.
น้องคะ       น้องคะ
ผมก็ต้องตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนมาพูดอยู่ข้างหู    แต่พอมองดูดีๆ ผมก็ไม่เห็นใครเลย   คนอื่นๆเขาก็หลับกันหมดแล้ว   ผมไม่ได้คิดอะไร   ผมพยายามหลับต่อเพราะตอนนั้นผมง่วงมาก 
แต่แล้ว ผมต้องตื่นขึ้นมาอีกรอบเพราะรู้สึกเหมือนมีคนดึงผ้าห่มของผม   ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะ   ผมคิดว่าผมอาจจะฝันไป   แต่ก็มีหวั่นๆอยู่บ้าง  แต่ทุกอย่างก็แพ้ให้ความง่วงของตัวเอง   ผมเลยพยายามนอนต่อ
.
.
.
ผมรู้สึกตัวอีกทีตอนประมาณ  ห้าทุ่ม  เพราะรถทัวร์ของผมได้จอดแวะปั๊มแห่งหนึ่ง   และคนอื่นๆก็ได้ลงไปเข้าห้องน้ำกัน   บางคนเขาก็กินข้าว  เพระาว่าตั๋วรถของเราสามารถแลกข้าวได้หนึ่งจาน   ผมลงไปกินข้าวเหมือนกับคนอื่นๆ    กินไปได้สักพัก ผมก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรถขึ้นมา   ถามกับตัวเองว่าที่เราได้ยินมันคืออะไร  ใครมาดึงผ้าห่มเรา   เราโดนแกล้งหรอ หรืออะไร    ผมเลยหันไปมองที่รถตรงที่นั่งของผมเอง    
ภาพที่ผมเห็นคือ   ผมเห็นเป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวนั่งอยู่ตรงที่นั่งของผมเลย   ผมคิดว่าเป็นคนอื่น หรือเขาอาจจะนั่งที่ผิดก็ได้   เขาหันหน้ามามองผมจากบนรถ   ใบหน้าของเธอสวยมาก  ขนาดเด็กป.6 อย่างผมยังหลงเลย
ผมจ้องหน้าเธออยู่อย่างนั้น แทบจะละสายตาไม่ได้    แต่แล้วเธอก็ทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิด   ในขณะที่เธอมองผมอยู่นั้นเธอก็บิดคอของเธอไปด้านหลังติดกับเบาะที่นั่ง   ผมที่กำลังกินข้าวอยู่นั้นทำเอาผมข้าวแทบพุ่ง    ได้แต่พูด
ผี       ผี        ผี         ผีอยู่บนรถ    ทุกคนที่กินข้าวอยู่มองมาที่ผม    ผมชี้นิ้วไปที่บนรถตรงกับที่ผมเห็นเธอ
แต่เธอก็ได้หายไปแล้ว     คนที่กินข้าวอยู่บริเวณนั้นพากันหัวเราะใส่ผม   บอกว่าผมตลกจัง     ผีอยู่ไหน    ไม่เห็นมีเลย    ผมหลบหนีความอับอายแล้วไปเข้าห้องน้ำ    ภาพนั้นยังคงติดตาผม    ผมไม่กล้าขึ้นรถเพราะกลัวจะเจอแบบนั้นอีก    จนทุกคนขึ้นรถกันหมดแล้ว   แต่ผมก็ยังทำใจขึ้นรถไม่ได้


(พนักงานขับรถ)                 ไอหนุ่มเอ็งรอไร     จะไปป่าว    คนอื่นเขาขึ้นกันหมดแล้ว
( ต้น)                                 ลุง   ผมเจอผีตรงที่นั่งผมอะ   ผมขอนั่งข้างหน้ากับลุงได้มั้ย
(พนักงานขับรถ)                ไม่ได้ ๆ  ต้องนั่งตามที่นั่งของตัวเอง ,    ผีอะไร  ข้าขับรถมา10กว่าปียังไม่เคยเจอผีเลย


ผมได้แต่จำใจกลับไปนั่งที่เดิม   พอผมนั่งลง   ขนแขนผมก็ลุกซู่   รู้สึกเย็นๆที่สันหลัง  ตอนนี้จะคิดว่าแอร์มันเย็นก็คงจะไม่ได้   เพราะสิ่งที่เจอ  มันทำให้ผมหาข้ออ้างมาลบล้างไม่ได้แล้ว   ผมท่อง พุทโธ   พุทโธ   พุทโธ
เพื่อให้ผมไม่คิดฟุ้งซ้าน       แต่ในตอนนั้นจิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว     ผมท่องไปนานแค่ไหนไม่รู้     
รู้สึกตัวอีกที ก็มีพนักงานมาปลุกผมแล้ว


(พนักงาน)                     น้องคะๆ    ถึงแล้ว 

 
ผมหยิบกระเป๋าสัมภาระของตัวเองที่วางอยู่บนชั้นที่วางของ    ในขณะที่ผมดึงกระเป๋าออกมานั้น  ก็มีกระดาษหล่นลงมาจากบนชั้นวางสัมภาระ     ผมหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาดู    มันเป็นรูปภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง    ทันทีที่ผมเห็นใบหน้าของเธอผมก็รู้เลยว่า คือคนเดียวกับที่ผมเห็นตอนกินข้าวอยู่ที่ปั๊มเลย   อยู่ดีๆผมก็ขนลุกขึ้นมาทันที   ภาพที่เห็นผุดขึ้นมาในหัว   ยืนตัวสั่นอยู่นาน     แต่สุดท้ายแล้วผมตัดสินใจวางรูปของเธอไว้ที่เบาะที่ผมนั่ง  แล้วเดินลงจากรถไป

ปล.ถ้านักอ่านอยากให้ผมปรับปรุงตรงไหน  สามารถคอมเมนต์บอกผมได้เลยนะครับ      ขอบคุณครับ
 

  



แสดงความคิดเห็น



ความคิดเห็น


บทความนี้ยังไม่มีคนแสดงความคิดเห็น