แรกเริ่มเดิมทีการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์นี้ไม่ได้มีการนำช็อกโกแล็ตมามอบให้กันเป็นของขวัญสื่อรักแต่อย่างใด แล้วทำไมการมอบช็อกโกแลตแทนใจถึงได้เข้ามาอยู่ในวัฒนธรรมความรักนี้ได้ เลื่อนไปอ่านกันเลยดีกว่าค่า
ในยุควิคตอเรีย ช็อกโกแลตถือว่าเป็นอาหารของชนชั้นสูงในอังกฤษ เพราะมันแพงมาก แต่รสชาติดีจนเกินคำบรรยาย และในช่วงกลางทศวรรษ 1800 จอห์น แคดเบอรี เป็นหนึ่งในผู้ค้าโกโก้และช็อกโกแลตชั้นนำในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ

จอห์น แคดเบอรี
ธุรกิจโกโก้และช็อกโกแลตของจอห์นได้รับการหล่อหลอมจากความเชื่อของเควกเกอร์ ในขณะที่เขามองว่าทางเลือกอื่นอย่างการดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกวิธีในการลดสาเหตุความยากจนในประเทศที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ และด้วยเครื่องดื่มเช่น ชา กาแฟ โกโก้ และช็อกโกแลต เขาอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างกับธุรกิจนี้เสียแล้ว
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาหลายสิบปี ในปี 1861 ริชาร์ดและจอร์จบุตรชายของจอห์นก็เข้ามาบริหารบริษัท เขาสองคนได้ขับเคลื่อนชีวิตอยู่ในธุรกิจและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่หล่อหลอมวัฒนธรรมขนมให้เกิดขึ้นไปทั่วโลกอย่างแท้จริง
ริชาร์ด แคดเบอรี เกิดความคิดที่จะขาย 'ช็อคโกแลตแฟนซี' หรือที่ในปัจจุบันรู้จักกันในรูปแบบของการนำช็อกโกแลตหลาย ๆ ประเภทมาจัดไว้ในกล่องเดียวกัน ในกล่องเล็ก ๆ ของริชาร์ดแต่ละกล่องจะมีรูปเล็ก ๆ อยู่ด้านหน้าทำให้เด็ก ๆ สามารถตัดและเก็บรูปเหล่านั้นไว้ในสมุดภาพได้

กล่องเหล่านี้ถือเป็นงานศิลปะและเป็นที่ชื่นชอบของชาววิกตอเรียตอนปลาย เพราะไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับช็อคโกแลตเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นกล่องสำหรับจัดเก็บสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ เช่นกระดุมได้อีกด้วย กล่องที่สวยงามเหล่านี้ได้รับความนิยมและช่วยให้ช็อกโกแลต Cadbury พุ่งทยานจนประสบความสำเร็จ และในขณะที่พี่น้องแคดเบอรีมีความสุขกับความสำเร็จของพวกเขา ผู้คนที่ชื่นชอบช็อกโกแลตทั่วโลกก็เริ่มเพลิดเพลินกับความสวยงามของบรรจุภัณฑ์ช็อกโกแลต
ไม่น่าแปลกใจเลยที่กล่องของ Cadbury จะกลายเป็นที่นิยมในวันวาเลนไทน์ เพราะผู้ให้ของขวัญสามารถมอบขนมได้ในขณะนั้นและจัดเก็บได้อย่างดีในภายหลัง และในขณะที่กล่องช็อกโกแลตแบบแรกของ Cadbury หายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ช็อคโกแลตแบบบรรจุกล่อง มรดกแห่งการสร้างสรรค์ที่ริชาร์ดและจอร์จทิ้งไว้ให้ก็ยังไม่หายไป
.png)
ที่มาข้อมูลและภาพประกอบ:
candyfavorites.com
cadbury.co.uk