ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์มักมีเรื่องเล่าตำนานและมนตร์ขลังเกี่ยวกับทุกสรรพสิ่งในโลก ‘ต้นไม้’ เป็นหนึ่งในสิ่งที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังและความลึกลับมากที่สุด บางต้นมีอายุยืนยาวยิ่งกว่าชีวิตมนุษย์เสียอีก บางต้นเต็มไปด้วยตำนานที่ทั้งน่าทึ่ง ทั้งต้นนารีผลในป่าหิมพานต์ และต้นปาริชาตบนสรวงสรรค์ชั้นดาวดึงส์ กระนั้น ต้นไม้บางต้นก็เต็มไปด้วยเรื่องเล่าลึกลับชวนสยดสยอง ทั้งต้นตะเคียนที่มีผีนางตะเคียนสิงสถิต หรือต้นงิ้วสำหรับลงโทษคนชั่วในนรก ในบทความนี้จะขอนำตำนานต้นไม้ทั่วโลกมาเล่าสู่กันฟัง ทั้งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชวนบูชา และรวมถึงต้นไม้อำมหิตที่ชวนพรั่นพรึง

กัลปพฤกษ์ : ต้นแห่งปรารถนาบนสรวงสรรค์
       หนึ่งในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียคงหนีไม่พ้นต้นกัลป์ปา หรือ กัลปพฤกษ์ (Kalpa Tree) ซึ่งคนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดีว่าเป็นต้นไม้สารพัดนึก แม้แต่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชก็ยังพยายามจะตามหาต้นไม้นี้เพื่อให้พระองค์สมปรารถนา แต่สิ่งที่น้อยคนจะรู้ก็คือกัลปพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่เกิดขึ้นพร้อมพระอาทิตย์ในวันที่พระพรหมสร้างโลก หลังจากพระพรหมสร้างโลกเสร็จ ด้วยความอ่อนล้าจึงนอนหลับพักผ่อน และเมื่อตื่นขึ้นมา โลกที่สร้างรวมถึงต้นกัลปพฤกษ์ก็จะสิ้นอายุขัย ช่วงเวลาทั้งหมดนี้เรียกว่า 1 กัลป์ ต้นไม้ที่พระพรหมสร้างนี้จึงได้ชื่อว่ากัลปพฤกษ์นั่นเอง   

อิกดราซิล : ต้นไม้แห่งชะตากรรมตามตำนานของชาวนอร์ส
       ตามความเชื่อของชาวนอร์ส ต้นอิกดราซิล (Yggdrasil) เป็นต้นไม้ที่เชื่อมต่อโลกทั้งเก้าไว้ใต้ร่มเงาของมัน ส่วนรากทั้งสามหยั่งลึกลงไปดูดซับน้ำหล่อเลี้ยงจากทั้งสามโลก รากที่หนึ่งหยั่งลึกลงไปจนถึงโจตันเฮล์มอันเป็นแผ่นดินของยักษ์ รากที่สองหยั่งลงไปในนิฟเฮม ซึ่งเป็นแผ่นดินน้ำแข็ง และรากสุดท้ายหยั่งไปยังบ่อน้ำพุแห่งเยาวภาพในแอสการ์ด ซึ่งเป็นแผ่นดินของชาวสวรรค์ มีสรรพสัตว์มากมายอาศัยตามกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ตามตำนานเล่าอีกด้วยว่า ครั้งหนึ่งโอดินเคยเสียสละตัวเองแขวนคออยู่บนต้นไม้นานถึงเก้าคืนเพื่อค้นหาความลับแห่งความตายจนทำให้เกิดอักษรูนขึ้นนั่นเอง

วักวัก : ต้นไม้หัวมนุษย์ของเปอร์เซีย
       ต้นไม้นี้มีผลประหลาด รูปร่างคล้ายหัวของมนุษย์ ห้อยโตงเตงตามกิ่งก้านด้วยเส้นผม หัวเหล่านี้ต่างแผดเสียงกรีดร้องว่าวักวัก จนได้ชื่อว่าต้นวักวัก (Waq-Waq) ต้นไม้นี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในบันทึกของชาวจีน ซึ่งเล่าว่าได้พบผลไม้รูปร่างคล้ายเด็ก เมื่อเด็ดออกมาจากกิ่งแล้ว เด็กก็จะตายทันที ซึ่งตามบันทึกนี้ ผลวักวักอาจหมายถึงผลโสม มนุษย์บางคนเชื่อว่า ตำนานของต้นวักวักมีที่มาจากในอดีตชาวเปอร์เซียจะลงโทษคนกระทำผิดด้วยการเสียบหัวประจานกับกิ่งไม้ จนต้นไม้เต็มไปด้วยหัวมนุษย์ ในตอนกลางคืนหัวเหล่านั้นก็จะพร้อมใจแผดเสียงสยดสยอง จนเป็นที่มาของต้นวักวักนั่นเอง

จูโบคโค : ต้นไม้กระหายเลือดของญี่ปุ่น
       ถ้าใครสักคนเดินผ่านต้นไม้สักต้นในญี่ปุ่น ลองเหลียวกลับไปมองซ้ำอีกครั้ง เพราะไม่แน่ว่านั่นอาจเป็นต้นจูโบคโค (Jubokko) ซึ่งมองเผิน ๆ ก็ไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไป แต่หากสังเกตอย่างใกล้ชิดพอจะเห็นกิ่งก้านสาขาที่แปลกประหลาด และถ้ามองโคนต้นไม้ ก็อาจจะพบซากศพมนุษย์ซ้อนทับกันอยู่ หากเจอเช่นนี้เข้าขอจงรีบหนีให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นอาจต้องตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของต้นแวมไพร์ ตามตำนานเล่าว่าเดิมที จูโบคโคเป็นต้นไม้ธรรมดาเท่านั้น จนวันหนึ่งเกิดสงครามกลางเมือง นักรบซามูไรต่างสังเวยชีวิตหลั่งเลือดเจิ่งนองผืนดิน เมื่อรากของต้นไม้สัมผัสเลือด มันจึงเรียกร้องกระหายเพียงแต่เลือดมนุษย์เท่านั้น ทุกครั้งที่มนุษย์เดินผ่านจูโบคโค มันจะฉกรวบด้วยกิ่งก้านอย่างแรงแล้วกะซวกเข้าไปในร่างกาย สูบกลืนเอาเลือดสีแดงจนหมดร่าง ก่อนจะปล่อยทิ้งให้เป็นซากแห้งสำหรับนกล่าเหยื่อในที่สุด

ฟักทองและแตงโม : ผลไม้แวมไพร์ของชาวยิปซี
       ชาวยิปซีเชื่อว่า เมื่อทิ้งผลของพืชล้มลุกใต้แสงจันทร์เต็มดวง โดยเฉพาะในคืนหลังวันคริสต์มาส ผลไม้นั้นจะค่อย ๆ กลายสภาพเป็นแวมไพร์ มันจะเริ่มขยับเขยื้อน ส่งเสียงคำรามประหลาด กระเด็นกระดอนไปทั่วบ้านคอกม้าและห้องพักในเวลากลางคืนเพื่อทำอันตรายต่อคน และเช้าวันถัดมาก็จะพบรอยเลือดปรากฏตามผิวของผลไม้เหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลไม้แวมไพร์ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านมากนัก และชาวยิปซีมีวิธีกำจัดมันง่าย ๆ เพียงด้วยการโยนมันลงไปในหม้อน้ำเดือดก่อนจะเททิ้ง และกวาดออกจากอาณาเขตด้วยไม้กวาด จากนั้นก็เผาทำลายไม้กวาดนั้นทิ้งเสีย 

ซักกูม : ต้นไม้ต้องสาปจากขุมนรก
       หากในไทยมีต้นงิ้วเป็นต้นไม้ในขุมนรก ชาวอาหรับก็มีต้นซักกูม (Zaqqum) ในคัมภีร์อัลกุรอานบันทึกว่า ซักกูมเติบโตในขุมนรก และยังชีพด้วยเปลวเพลิง ผลของต้นซักกูมมีรสขมปร่าและเหม็นหนัก ชาวนรกผู้หิวโหยมิอาจดื่มกินสิ่งใดได้นอกจากผลซักกูม ทว่าผลไม้นี้ต้องคำสาป เมื่อกัดกินผลไม้นี้แล้ว พวกเขาจะถูกบังคับให้ทนดื่มน้ำเดือดที่เต็มไปด้วยส่วนผสมน่าสยดสยอง ร่างกาย เนื้อ กระดูก และศีรษะจะถูกฉีกแยกจากกันให้หลอมละลายในเปลวไฟร้อนระอุ วนเวียนเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบสิ้น

ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ : เปิดตำนาน 6 ความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้