เรื่องเล่าที่ 8 น้ำตาบนสายซอ
"ไล่มันออกไปเลยดีไหมขอรับ คุณพจน์" บ่าวชายร่างผอมกะหร่องที่กำลังบีบนวดด้านหลังเจ้านายอยู่เป็นคนเสนอความเห็น
"อย่างไรเสียมันก็เป็นน้องข้าถึงจะมีแม่เป็นบ่าวก็เถอะ"คุณพจน์เป็นลูกของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมือง มีพ่อเป็นขุนแต่ตนเองก็หาจะอยากรับราชการไม่ พ่อก็ได้แต่ใช้เส้นสายฝากฝังและรอเรียกตัวอยู่
"คุณพจน์นับมันเป็นน้องด้วยหรือขอรับบุญหัวของไอ้สนมันจริงๆ" บ่าวร่างท้วมอีกคนที่กำลังบีบนวดขาของคุณพจน์พูดเสนอขึ้นบ้าง
"แต่ไอ้สนมันแอบมองคุณนิดไม่ละสายตาเลยนะขอรับ" บ่าวร่างผอมก็ไม่ยอมละความพยายาม ยังคงเป่าหูนายไปเรื่อย
"กระผมก็เห็นนะขอรับ" ร่างท้วมก็สำทับความตามกระแส แต่ดูเหมือนว่าคุณพจน์จะไม่ใช่คนวู่วาม
"จับตาดูไอ้สนไว้ถ้ามันกล้าแตะตัวน้องนิดล่ะก็ ถึงมันจะเป็นลูกคุณพ่อข้าก็จะควักลูกตามันออกมารองตีนเลยคอยดู"
อีกฟากหนึ่งกันซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายหน้าหอให้คุณพจน์กำลังตั้งใจฝึกปรือการสีซอเครื่องดนตรีที่ชอบและยิ่งกว่านั้นมันเป็นเครื่องดนตรีที่คุณนิดอยากเล่นด้วย ใจนิดสนก็แอบน้อยใจในโชคชะตาที่ตัวเองเกิดมาเป็นลูกบ่าวทั้งที่หน้าตาละม้ายคล้ายคุณพจน์อย่างไม่มีผิดเพี้ยน หากมีวาสนามากกว่านี้มันคงได้คุณนิดมาเชยชมในฐานะผัวแต่บ่าวต่ำต้อยอย่างมันก็ทำได้เพียงใกล้ชิดยามต้องสอนคุณนิดเล่นซอแต่เพียงแค่นั้น สนฝันทุกคืนว่าได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับคุณนิดหากแต่ทำได้เพียงแค่ฝันและคืนนี้ก็คงเป็นเช่นเคย หลังจากสีซอจนจบเพลงสอนก็นอนเอนกายหลับตาลงรอคุณนิดมานอนเคียงข้างในห้วงนิทรารมณ์
แต่ดูเหมือนว่าจะมีใครสานฝันไอสนให้เป็นจริง...ในเช้าวันรุ่งขึ้น
"ไอ้สน! ไอ้บ่าวทรยศ!" ทันทีที่หูสดับเสียงประตู สนยังสะลึมสะลือ แต่ที่ปลุกให้ตื่นได้จริงคือฝ่าเท้าคุณพจน์มีเตะเข้ากลางหลัง สนดิ้นทุรนทุรายไปเกาะขอบเตียงซึ่งเพิ่งรู้ตัวว่าคนที่นอนอยู่คือคุณนิด
"นี่มันอะไรกัน พี่ไม่อยู่คืนเดียวนิดถึงเอามันมานอนด้วยเชียวรึ" คุณพจน์เพิ่งได้งานไปราชการที่ต่างเมืองพอกลับมาก็เห็นภาพบาดตา ส่วนคุณนิดเอาแต่ปฏิเสธร้องห่มร้องไห้จะต้องใครแกล้งใส่ร้ายเธอแน่ และดูเหมือนว่าคุณพ์ละโกรธมาก
"จับตัวไอ้สนลงไปข้างล่างแล้วควักลูกตามัน!"
"คุณพี่อย่าเจ้าค่ะ อย่าทำสน!"
"นิดเข้าข้างสนรึ ดูบ่าวไพร่ที่มองอยู่สิพวกมันจะคิดเช่นไร และพี่ลั่นวาจาไปแล้ว" คุณพจน์เสียงดังฟังชัดและเฉียบขาดจนคุณนิดสะดุ้งก้มหน้าสุด บ่าวไพร่ที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนต่างก็เวทนาในชะตากรรมของไอ้สนกันทุกคน
"คุณพจน์ขอรับ กระผมถูกใส่ร้ายนะขอรับกระผมไม่ได้ทำ" สนคว้าขาของคุณพจน์มากอดไว้เพื่อขอความเมตตา เพียงชั่วครู่ก็ถูกถีบจนกระเด็นนอนเจ็บปวด
"ควักลูกตามันออกจากนี้มึงจะไม่ได้แม้แต่จะเห็นปลายตันของเมียกู!"
อ้าก!
ดวงวิญญาณส่งเสียงกรีดร้องนั้นดังก้องจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันซึ่งผมรู้สึกได้ว่ามันช่างยาวนานเสียเหลือเกินยาวนานถึง 300 ปี
ปกติผีในโรงเรียนบางทีมันก็ชอบเกิดซ้ำซากจำเจเช่นผีนักเรียนผีครูที่จบชีวิตลงด้วยการกระทำอัตวินิบาตกรรมแต่ดูเหมือนว่าผีที่ผมกำลังเจออยู่อาจจะดูซ้ำซากแต่มันก็น่ากลัว
เสียงซอที่บรรเลงอยู่ในห้องดนตรีไทยเป็นฝีมือของครูนงนุชครูประจำวิชานี้ มีความเชื่อที่ว่าของมันมักจะกลับมาหาเจ้าของของมันนั้นทำจะจริง
"นิด" เจ้าของเสียงเรียกคือดวงวิญญาณที่สิงอยู่ในซอทุกครั้งที่ครูนงนุชเล่นแทนที่ผมจะได้ยินแต่เสียงขอเพียงอย่างเดียวผมกลับได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้ชายดังแทรกมาด้วยเท่านั้นไม่พอภาพเหตุการในอดีตตอนเกิดเรื่องก็วนเวียนให้ได้เห็นทุกครั้งไป สำหรับรายนี้ผมวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าผมคงจะช่วยอะไรไม่ได้
"ช่วยด้วย แค่ทำลายซอนี้ที ปลดปล่อยวิญญาณฉันที พ่อหนุ่ม" เสียงผมกระซิบข้างหูทำผมวนลุกจนต้องเอามือมาปิดหู ครั้งหนึ่งผมเคยถูกครูนงนุชตุว่าเสียมารยาทการนั่งดนตรีไทยควรให้ความเคารพไม่ใช่ทำเหมือนเสียงซอบาดหู แต่ใครจะไปรู้ที่ไม่เพราะไม่ใช่เสียงซอแต่เป็นเสียงผีต่างหาก ผมไม่ได้กลัวว่าจะแอบเอาซอนี่ไปทำลายไม่ได้ แต่ผมเคยเห็นกับตาแล้วว่าไม่มีใครสามารถพังซอสามสายนี่ได้จริงๆเพราะมัน...ลงอาคมไว้
๓ วันก่อนผมเคยแอบมาที่ห้องดนตรีไทยเพื่อจะมาขโมยซออู้อันนี่ไปทำลายตามคำขอของดวงวิญญาณแต่กลายเป็นณว่าพอเดินมาถึงหน้าประดูมีเสียงทะเลาะกันเล็ดลอดออกมาจากห้องดนตรีไทย
"รักมันมากนักเหรอไอ้ซออันเนี้ย ถึงขนาดนอนกอดมันนี่เธอจะเป็นบ้าไปแล้วเหรอ" เสียงครูสิระอาจารย์สอนคณิตศาสตร์สามีเองอาจารย์นงนุชกำลังยืนตะโกนใส่หน้าครูสาว
"ฉันก็แค่รู้สึกผิด มันรู้สึกเหมือนว่า...เคยทำผิด"
"เธอเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ" ครูสิระด่าครูสาวแล้วยังคว้าซอนั้นเอามาฟาดลงพ้น ผมกลับได้ยินเสียงร้องของชายอีกคนเหมือนกำลังถูกทำร้ายทว่าไม่เห็นแม้เงา
ผมเห็นครูสิระพยายามฟาดซออู้ลงนั้นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ไม่ยอมหักท้ายที่สุดแล้วกลายเป็นว่าฝ่ายสามีเร่งเดินออกจากห้องผมนี่แทบจะหลบไปซ่อนตัวไม่ทัน ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอื้นร่ำไห้ของครูนงนุชที่ทรุดตัวนั่งกอดขออู้ตัวนั้นเพียงคนเดียว
ทีนี้ปัญหามันก็ตกอยู่ที่ผมนี่แหละครับผมจะช่วยดวงวิญญาณที่สิ่งอยู่ในซอนั่นได้อย่างไร ผีบอกให้ทำลายแล้วผมจะทำลายมันได้ยังไง
ผมกลับบ้านด้วยความสิ้นหวังพอๆกับที่ดวงวิญญาณผู้ชายร้องไห้ตามมาตลอดทาง พอเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นพ่อกำลังมองดูแหวนเก่าวงหนึ่งที่เพิ่งได้มาอย่างสงสัย
"ขึ้น ม. 4 เลิกเรียนดึกขนาดนี้เชียว" พ่อเปิดประโยคด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจากนั้นก็บ่นอีกนิดหน่อยก็ไล่ผมไปอาบน้ำแต่ที่สะดุดตาก็คือแหวนทองที่พ่อถืออยู่มันมีแรงดึงดูดกับเขาอย่างบอกไม่ถูก
"พ่อ...แหวนวงนั้น" ผมชี้ไปที่แหวนวงที่พ่อถืออยู่
"อ่อ…เนี่ยเหรอ พ่อว่าจะเอาไปทิ้งมีเพื่อนเอามาขายแต่ลายมันน่ากลัวเหมือนพวกอักษรลงอาคมน่ะ"พ่อพูดจบก็ปิดไฟบนโต๊ะทำงานและวางแหวนนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานทิ้งให้ผมอยู่ชั้นล่างเพียงคนเดียว
เสียงหมาหอนเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าแหวนวงนั้นต้องมีความเกี่ยวพันกับดวงวิญญาณที่อยู่ด้านนอกแน่ และผมทำรีบไปที่โต๊ะทำงานของพ่อ เปิดลิ้นชักและหยิบแหวนเก่าคร่ำครึนั้นขึ้นมา ทันทีที่สัมผัสโลหะเย็นเฉียบเสียงหมาหอนก็สงบนิ่งและสิ่งที่เฉลยเรื่องราวทั้งหมดก็ประจักษ์แต่มโนภาพ
๓๐๐ ปีก่อนในเรือนหมี่นพจนภักดี หลังจากข่าวที่ชื่อสนถูกควักลูกตาออกมามันก็ถูกให้ไปทำงานในก้นครัวคอยผ่าฟืนแล้วในคืนหนึ่งคืนที่หมื่นพจนภักดีกลับมาถึงเรือนในตอนค่ำ ข่าวสนที่ลอบแอบอยู่ในห้องได้ทำการลอบสังหารโดยใช้มีดปักที่กลางหลังเอามืออุดปากไม่ให้ใครได้ยินเสียงร้อง จากนั้นก็ลงอาคมไว้ในแหวนและกรีดเนื้อคุณพจน์เอาเลือดมาชโลมบนสายซออู้ อาคมทั้งหมดที่วางไว้บนซออู้เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการเซี่ยนตีดวงวิญญาณคุณพจน์เพื่อแก้แค้นที่ถูกควักลูกตา ส่วนแหวนของประจำตัวของคุณพจน์ถูกลงอาคมเสมือนเป็นฝาหม้อปิดวิญญาณนั่นทำให้ไม่สามารถทำลายซออู้ตัวนี้ได้หากไม่ทำลายแหวนวงนี้ และเรื่องราวทั้งหมดกลับถูกเฉลยโดยผู้สมรู้ร่วมคิด
"ชาตินี้ฉันผิดต่อคุณพี่เหลือเกิน เพราะฉันไม่ได้รักคุณพี่ตั้งแต่แรก" คุณนิดผู้เป็นเมียยอมร่วมมือกับชายชู้อย่างไอ้สน ที่จริงเรื่องราวถูกเล่าย้อนไปอีก คุณพจน์นั้นรู้ทั้งรู้ว่าคุณนิดแอบลักลอบมีชู้กับไอ้สนอยู่บ่อยครั้ง เพราะเคยมีบ่าวมากระซิบรายงานว่าคืนที่พจน์ไปราชการคุณนิดมักจะเดินผ่านทางไปครัวตอนกลางดึก คุณนิดก็แสร้งว่าหิวตอนกลางดึกไม่อยากรบกวนบ่าวไพร่จึงลงมาหาอาหารเอง พจน์ไม่เชื่ออยู่แล้วจึงคอยสะกดรอยตามมาดู แต่ด้วยความรักและความหลงคิดว่าภรรยาจะกลับตัวได้ พจน์จึงไม่ได้ประจานการกระทำฉาวโฉ่เช่นนี้แก่บ่าวไพร่ ได้แต่วางยาและจับตัวไอ้สนมานอนในห้องและอ้างว่าไอ้สนที่คิดจะปลุกปล้ำภรรยาเจ้านาย เพื่อให้สนเป็นฝ่ายผิดแต่เพียงผู้เดียว แต่คุณพจน์หารู้ไม่ว่าการรักคนเช่นคุณนิดก็เหมือนชาวนผู้เมตตางูเห่า สุดท้ายมันก็กัดเจ้าของจนตาย แถมยังสะกดทางไปเกิดไว้ในแหวนประจำตัวอีก
ผมจึงเผาแหวนวงนั้นทิ้งเพื่อให้ผีคุณพจน์สิ้นจากความทุกข์สักที มันคือแหวนแต่งงานที่ไม่ควรค่ากับหญิงแพศยาอย่างคุณนิด