บทที่ 27 : คาซี &แดเนียล
“นะ.. นาย...”
เจ้าของ SSS ดินสอสีของวอลต์ ดิสนีย์ มองลงมาจากด้านบนพลางยักคิ้วให้
“นายดัมโบ้!!!”
นักฆ่าผู้มาช่วยเสียหลักแทบตกจากหลังมังกร
“เอ่อ.. ฉันชื่อเยลซิท”
ผมยิ้มแหย ๆ พลางพยักหน้ารับรู้ สายตายังคงมองค้างที่มังกรสีดำทมิฬอย่างไม่อาจละได้
ไม่ใช่เพียงแค่ผมคนเดียว โอลิเวอร์เองซึ่งดูร่าเริงและสนุกสนานกับการต่อสู้มาโดยตลอด กลับร่างสั่นเกร็งด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเห็นมังกรยักษ์ที่จ้องมาที่ตนอย่างมาดร้าย มีดโค้งสองเล่มในมือยื่นชูมาด้านหน้าด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด
“เยลซิท.. ทำไมนายถึง”
คำพูดระล่ำระลักจากปาก แม้จะมั่นใจในพลังพิเศษของตัวเอง แต่ภาพศัตรูขนาดใหญ่มโหฬารตรงหน้าทำให้โอลิเวอร์พรั่นพรึงในจิตใจ
“นายชื่อโอลิเวอร์ใช่มั้ย ฉันมีทางเลือกให้นายสองทาง” เยลซิทเอ่ยถามเสียงเรียบ
นิ้วชี้ชูขึ้นพร้อมทางเลือกทางแรก “หนึ่ง!! ทิ้งศักดิ์ศรีไว้ที่นี่ แล้วหนีไปให้เร็วที่สุด ส่วนสอง...”
สายตาพลันเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นราวน้ำแข็งขั้วโลก
“แบกศักดิ์ศรีเอาไว้ แล้วยอมทิ้งชีวิต!!”
โอลิเวอร์ผงะ เขาไม่คาดคิดว่าคนที่ปรากฏตัวมาช่วยผู้เชื่อมต่อ กลับเป็นหนึ่งในนักฆ่าเงารัตติกาลพวกเดียวกันเอง
สายตามองจ้องเข้าไปในดวงตาของเยลซิทอย่างค้นหา ชายหนุ่มไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเยลซิทถึงยอมหักหลังกองโจร เช่นเดียวกับที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมเยลซิทถึงเสี่ยงตายมาช่วย
“ศักดิ์ศรีน่ะเหรอ..” โอลิเวอร์ถอนใจพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่หายสั่นเครือ “ฉันทิ้งมันไปตั้งนานแล้วล่ะ”
มือกำกระชับด้ามมีดวงพระจันทร์แน่น ความกลัวที่เคยมีอยู่พลันสลายไปสิ้น
“สิ่งที่ฉันหลงเหลืออยู่มีเพียงการ ‘ทำตามหน้าที่’ ที่ได้รับมอบหมายโดยไม่บกพร่องเท่านั้น ย้ากกกกก!!”
มีดประสานเป็นกากบาท ก่อนร่างจะพุ่งเข้าใส่มังกรยักษ์ด้วยความเร็วมหาศาล ลมกรรโชกแรงส่งให้ร่างของโอลิเวอร์ดุจดั่งกระสุนปืนที่พร้อมจะพุ่งเจาะทุกสิ่งทุกอย่างให้ทะลุทะลวง
เว้นแต่เพียงมังกรยักษ์..
เยลซิทมอบชีวิตให้รูปปั้นมังกรที่ถูกวางประดับอยู่หน้าตึกของบริษัทผู้สร้างเกมออนไลน์รายใหญ่ของญี่ปุ่น มังกรตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ของเกมที่ทุกคนรู้จักกันดี และความสามารถของมันที่นอกเหนือจากร่างยักษ์อันน่าสะพรึงกลัวก็คือ.. ลำแสงพิฆาต!!
ปากเปิดอ้าเล็งไปที่กระสุนมนุษย์ที่พุ่งใส่อย่างไม่คิดชีวิต ลำแสงสีขาวนวลบริสุทธิ์ก่อกำเนิดเป็นก้อนในปาก มวลพลังมหาศาลอัดแน่นจนบรรยากาศโดยรอบแทบปริแยก
‘เมก้าเฟลม!!’
ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งจากปากที่เปิดอ้าของมังกรยักษ์อย่างรุนแรงเข้าใส่ร่างเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับขนาดตัวของมัน โอลิเวอร์บินพุ่งเข้าใส่ลำแสงอย่างไม่กลัวเกรง คมมีดชูพุ่งชี้เข้าใส่สัตว์ประหลาดยักษ์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่อาจเจาะทะลุผิวกายแข็งราวเหล็กกล้าได้
ผมได้แต่ยืนตะลึงมองภาพเหนือจินตนาการเบื้องหน้าจนไม่สามารถขยับตัวได้ โอลิเวอร์ใช้พลังลมควบคุมทิศให้พาร่างบินฉวัดเฉวียนดุจเครื่องบินรบ ลำแสงแผ่พุ่งความร้อนมหาศาลจนผมรู้สึกได้ อีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะซัดเข้าทำลายร่างเล็กของโอลิเวอร์จนแหลกเป็นจุล
‘Flyer!!’
นักฆ่าใช้พลังพิเศษอีกครั้ง แต่หนนี้เขาไม่ได้ใช้กับตัวเอง
มังกรยักษ์ถูกแรงลมหนุนด้านใต้จนร่างลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำแสงที่แผ่พุ่งพลันเปลี่ยนทิศเบี่ยงจากศีรษะของโอลิเวอร์ไปไม่ถึงคืบ
ชั่วพริบตาที่คู่ต่อสู้เสียหลัก โอลิเวอร์เร่งความเร็วเต็มกำลัง เป้าหมายของใบมีดไม่ใช่สัตว์ยักษ์ที่ตนไม่อาจจัดการได้ตั้งแต่แรก แต่สายตาเขากลับจ้องตรงไปยัง ‘ผู้มอบชีวิต’ ให้มันต่างหาก
“ขาดเป็นสี่ท่อนไปซะ เยลซิท!!!”
เยลซิทคว้าจับผิวหนังขรุขระของมังกรแน่น แม้จะเห็นลำแสงพิฆาตไม่อาจจัดการศัตรูได้ แต่สีหน้าของเขายังคงไม่ตื่นตระหนก
“ชั้นนึกสภาพนั้นของตัวเองไม่ออกแฮะ โอลิเวอร์”
เยลซิทสะบัดเสื้อโค้ทยาวออก เผยสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วที่โผล่พรวดและพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พวกมันเคลื่อนไหวเร็วมากจนมองเห็นการเคลื่อนที่เป็นเส้นยาวหลากสีสัน
โอลิเวอร์เบิกตากว้าง แต่เพียงครู่ก็รวบรวมสมาธิใช้พลังพิเศษ ‘สร้างลมใต้ปีก’ แก่ศัตรูที่ยังไม่รู้พิษสง
‘วูบ!!’
ไม่ใช่ว่าลมไม่ก่อกำเนิด โอลิเวอร์สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของอากาศบริเวณรอบพวกมัน แต่ลมเหล่านั้นกลับไม่มีผลกระทบกับร่างเล็กที่พุ่งเข้ามาราวกับจรวด
เยลซิทถอนใจยาวให้กับศัตรูที่รักศักดิ์ศรีมากกว่าชีวิต
“คิดว่าจะมีใครรู้ทิศทางลมได้ดีไปกว่า ‘นก’ อีกเหรอ”
เพียงประโยคที่ได้ยิน ก็ทำให้รู้ว่าพลังพิเศษของตนไร้ความหมาย ร่างของโอลิเวอร์ถูกกระแทกด้วยนกตัวเล็กรูปร่างกลมเหมือนลูกบอลสีแดงจนตัวปลิวไม่รู้ทิศทาง
เขาพยายามประคองร่างโดยบังคับลมให้หนุนในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับการร่วงหล่น แต่นกสีเหลืองลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมที่เมื่อครู่ยังเห็นอยู่ระยะไกล กลับเร่งความเร็วเหมือนหายตัวได้พุ่งเข้ากระแทกซ้ำอีกครั้งจนตัวงอเป็นกุ้ง
โอลิเวอร์กัดฟันใช้มีดฟันนกเหลืองขาดเป็นสองท่อน สายตาเหลือบมองนกฟ้าที่พุ่งเข้ามาอย่างช้า ๆ พลางคิดคำนวณทางหลบเลี่ยง ลมหนุนให้ร่างลอยขึ้นด้านบน
‘เปรี้ยง!!’
ร่างกลมของนกฟ้ากลับแตกกระจายเป็นสามทิศทาง โอลิเวอร์ทำได้เพียงมองร่างจิ๋วพุ่งปักเข้าที่หัวไหล่จนเลือดพุ่งกระฉูด นักฆ่าสะบักสะบอมไปทั้งตัว เช่นเดียวกับพลังลมที่อ่อนแรงจนแทบไม่พัดไหวดังเดิม
และนกตัวสุดท้ายที่พุ่งเข้าใส่ คือนกสีดำหน้าตาเหี้ยมเกรียม หงอนบนหัวของมันกับรูปร่างกลมเกลี้ยงพาลให้นึกถึงวัตถุที่ไม่อยากนึกถึงที่สุดตอนนี้
..... ระเบิด!!
‘ตูมมมม!!!!’
ร่างสีดำระเบิดอย่างรุนแรงจนโอลิเวอร์ถูกแรงระเบิดอัดปลิวดุจว่าวขาดสายป่าน ร่างนักฆ่าผู้เชื่อมต่อ SSS ของสองพี่น้องตระกูลไรท์ไม่อาจโบยบินดุจวิหคได้ดังเดิม
และร่างของเขาก็ถูกหยุดการเคลื่อนไหวโดยผืนดินแห้งผากที่ยุบเป็นหลุมจากการกระแทก โอลิเวอร์หมดสภาพการต่อสู้ในพริบตา
“สงสัยจะไม่เคยเล่นเกม ‘แอ็งกรีเบิดส์’[1] แฮะ”
เยลซิลกล่าวติดตลก
ปีกมังกรสะบัดสองสามครั้งพาร่างยักษ์ลงสู่พื้น เยลซิทไต่ลงมาจากไหล่ ผ่านปีกและหางของมังกร เมื่อเขาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผม ความสูงที่มากกว่าเกือบยี่สิบเซนติเมตร ทำให้ผมต้องแหงนหน้าคุยกับเขา
“เอ่อ.. ขอบคุณ ที่มาช่วยนะ”
เยลซิทไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วย้อนกลับขึ้นมามองหน้าด้วยสายตาตำหนิ
“คิดจะมาลุยกับเงารัตติกาล ด้วยฝีมือแค่นี้น่ะเหรอ”
ผมชะงักพูดอะไรไม่ออก
“ชั้นจำได้ว่า ตอนไล่ฆ่านายที่อแลสก้า พลังของนายไม่ได้มีแค่นี้นี่นา”
ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งต่อสู้กับเยลซิทก่อนหน้านี้ พลางมองดูสภาพร่างกายตัวเองที่สะบักสะบอมไม่มีชิ้นดี
“พลังของผม.. งั้นเหรอ”
เยลซิทพยักหน้า
“ลองคิดดูให้ดีสิ ว่าสิ่งที่นายขาดไปตอนนี้คืออะไร”
ภาพการถูกไล่ล่ายังติดตรึงอยู่ในสมอง ทั้งรูปปั้นเทพซุสกับโพไซดอน รูปปั้นหมาป่า กระทั่งรูปปั้นสิ่งมีชีวิตพิเศษอันน่าสะพรึงกลัวอย่างไทแรนท์ ผมกลับฝ่าฟันจนเอาชนะมาได้ทั้งหมด สิ่งที่ตอนนั้นมี แต่ตอนนี้ไม่มี
สิ่งที่ผมขาด...
“ความรู้สึกปกป้อง!!”
เยลซิทคลี่ยิ้มบาง ๆ
“เมื่อตอนสู้กัน นายต้องหาทางช่วยเพื่อนให้กลับคืนสู่สภาพเดิมจากการถูกทำให้เป็นตุ๊กตา นายจึงระเบิดพลังมหาศาลออกมาโดยไม่รู้ตัว จำความรู้สึกตอนนั้นเอาไว้ให้ดีล่ะ”
ชายร่างสูงพูดจบก็หันหลังเดินกลับไปยืนพิงท่อนขาดำเมื่อมของมังกรยักษ์พลางล้วงหยิบกระดาษจากกระเป๋าเสื้อโค้ทออกมาวาดวิวทิวทัศน์เบื้องหน้ารอการมาเยือนของเหล่านักฆ่าที่กำลังมุ่งหน้ามาจากริมฝั่งทุกทิศทาง
“ขอบคุณนะ เยลซิท”
ผมพูดพลางค้อมศีรษะให้ชายที่เพิ่งรู้จักชื่อ สองเท้าเหมือนมีแรงกำลังฉุดรั้งให้ร่างวิ่งไปด้านหน้า อาการเจ็บปวดจากบาดแผลแม้ยังหลงเหลืออยู่ แต่ความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาในจิตใจทำให้ลืมความเจ็บไปปลิดทิ้ง มือทั้งสองกำหมัดแน่นพลางคิดถึงใบหน้าของเพื่อนทั้งสี่
สิ่งที่ผมขาด บัดนี้ถูกทดแทนด้วยเป้าหมายใหม่แล้ว
ผมต้องต่อสู้เพื่อปกป้องทุกคนให้มีชีวิตรอดกลับไปให้ได้!!
สายตาจ้องที่หญิงสาวในชุดกี่เพ้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เด็กชายผมทรงกะลาครอบขยับแว่นพลางตีสีหน้าเลือดเย็น
“นังคนทรยศ ฉันนึกว่าแกถูกกำจัดไปแล้วเสียอีก”
ซุยฟงยังไม่คลายสีหน้ายิ้มยั่ว แต่นั่นเป็นเพียงใบหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดหวั่นในจิตใจ เพราะแม้คู่ต่อสู้จะเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าตนเกือบสิบปี แต่เธอเคยได้ยินเสียงร่ำลือถึงความเป็นอัจฉริยะของโคลล์มาจนชินหู
เด็กชายที่สามารถสอบเทียบเข้าสู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยซึ่งสรรค์สร้างบุคคลอันมีชื่อเสียงระดับโลกมาแล้วหลายต่อหลายคน โคลล์เป็นเด็กอัจฉริยะคนแรกที่สามารถเข้าเรียนที่นั่นได้ตั้งแต่อายุเพียงสิบสองปี
ไม่ใช่เพียงการเรียนอย่างเดียว แต่เขายังเป็นอัจฉริยะด้านการเล่นเกมชนิดหาตัวจับยาก ทั้งเกมจากเครื่องเล่นคอนโซลต่าง ๆ โคลล์ก็สามารถพิชิตเกมได้ในเวลาอันสั้น กระทั่งเกมออนไลน์ เขาก็ยังเป็นผู้เล่นที่มีระดับสูงสุดในหลายต่อหลายเกม ไม่มีเกมไหนที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้เด็กชายได้อีก
จนกระทั่งเขาได้สัมผัสกับเกมเก่าเมื่อครั้งอดีต เกมที่ยังไม่มีภาพโพลีกอนสามมิติให้เวียนหัว เกมที่ไม่มีเนื้อเรื่องยืดยาวหรือภาพกราฟฟิคสวย ๆ เกมที่อาศัยเพียงจังหวะ ความเร็ว และประสาทสัมผัสเท่านั้น
และนั่นคือเกมที่สร้างพลังพิเศษอันร้ายกาจจนยากจะหาผู้ต่อกร
ซุยฟงไม่รอช้า เธอรีบสะบัดฝ่ามือปลดปล่อยหมากฝรั่งเส้นยาวยืดพุ่งไปหาคู่ต่อสู้อย่างไม่ให้ตั้งตัว
แต่ความเร็วที่แผ่พุ่งจากหน้าผาฝั่งตรงข้าม มีหรือจะสู้ความเร็วจากฝ่ามือที่ถอดเปลี่ยนตลับเกมได้..
‘หวือ!!!’
เสียงวัตถุลอยแหวกอากาศดังหวีดหวิว ก่อนที่ซุยฟงจะทันเห็นว่ามันคืออะไร สัญชาติญาณก็สั่งให้ร่างเคลื่อนหลบอัตโนมัติ
‘โครม!!!’
ถังไม้ขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงจากฝั่งตรงข้าม หมากฝรั่งจากฝ่ามือทั้งสองไม่ทันสัมผัสร่างของโคลล์ ก็โดนถังที่ลอยพุ่งมาขวางเสียก่อนจนหมากฝรั่งสองสายแปะกับถังไม้เหนียวหนึบ
ร่างเล็กของซุยฟงถูกดึงกระชากด้วยแรงเหวี่ยงเพราะหมากฝรั่งที่ยังติดกับฝ่ามือ ไปฟาดกับชะง่อนผาจนร่างเกือบร่วงหล่นจากผาหินสูง ถังไม้ที่แตกกระจายจากการกระแทกพุ่งเข้าใส่นักฆ่าสาวอย่างแรง ในสายตาตอนนี้มีเพียงแท่งไม้นับสิบที่จ่อปลายแหลมเข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว
“Sticky Gum!!!”
ซุยฟงปลดปล่อยหมากฝรั่งออกมาจำนวนมากก่อนกางกั้นมันเป็นดั่งโล่ขวางร่างเธอไว้ แท่งไม้เมื่อพุ่งเสียบกับหมากฝรั่ง ก็ถูกลดทอนความเร็วลง ปลายไม้ยืดออกมาอีกด้านของปราการเหนียวหนึบ เพียงไม่กี่คืบก็จะถึงใบหน้าของซุยฟงที่ประคองตัวเองลุกขึ้นนั่งรอความตายอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
และแท่งไม้ก็หยุดเคลื่อนไหว...
ซุยฟงเป่าปากอย่างโล่งอก แต่สาวจีนโล่งใจได้เพียงชั่วครู่ ลมหายใจก็กระตุกเฮือกเมื่อเห็นร่างใหญ่ยักษ์ที่เหวี่ยงถังไม้มาใส่ตน
“คะ.. คิง คอง!!”
คิงคองขนสีน้ำตาลตัวใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังโคลล์ราวสัตว์ประหลาดผู้พิทักษ์ มันใช้กำปั้นหนาทุบหน้าอกพลางส่งเสียงคำราม ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นจากจมูกแบนลู่ฟืดฟาด สายตาของมันมองมาที่ซุยฟงอย่างประสงค์ร้าย
โคลล์หลิ่วตาให้นักฆ่าสาวรุ่นพี่อย่างไม่เหลือความเคารพ
“เกมสตาร์ทแล้วนะ นังหมวยทรยศ ถ้าแกเล่นไม่ดี รับรอง.. เกม โอ เวอร์!!!”
คิงคองฉวยหยิบถังไม้ที่อยู่ดี ๆ ก็ร่วงหล่นจากฟากฟ้าขึ้นมาเหวี่ยงใส่ซุยฟงรัวเป็นปืนกล นักฆ่าสาวลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามไหล่ผาหลบถังไม้ขนาดใหญ่ที่แตกกระจายไล่หลังมาทีละนิดอย่างร้อนรน
“ระวังหน่อยนะ ถังไม้น่ะ ไม่ได้มีแค่จากทางนี้หรอก”
โคลล์เผยไต๋ให้ศัตรูรู้อย่างลำพอง ซุยฟงมัวแต่วิ่งพลางหันหลังมองกระสุนถังพลาง ไม่ทันระวังด้านหน้า เพียงหันกลับมาก็พบว่ามีถังไม้กลิ้งมาตามพื้นพุ่งเข้าใส่เธออย่างรวดเร็ว
“วะ เหวอ!!”
เท้าเรียวบางเสียหลักสะดุดล้ม ทำให้ร่างที่วิ่งเลียบแนวผาเสียการทรงตัว ซุยฟงร่วงหล่นจากผาสูงลงสู่ด้านล่างด้วยความเร็วมหาศาล
โคลล์ยิ้มกริ่ม หน้าชะโงกมองดูวาระสุดท้ายของศัตรูผู้ทรยศอย่างสาแก่ใจ
แต่รอยยิ้มพลันสะดุด เมื่อผลลัพธ์ที่เห็นกลับไม่ได้เป็นดั่งที่ใจคิด
“นังสารเลว!!”
หมากฝรั่งเส้นยาวถูกยืดไปแปะที่ริมผาอีกฟาก ก่อนร่างในชุดกี่เพ้าจะห้อยโหนราวกับทาร์ซาน พลังพิเศษถูกระดมยิงอย่างต่อเนื่องก่อกำเนิดเถาวัลย์หมากฝรั่งหลายสิบเส้น เธอห้อยโหนไปมาเพื่อหลบเลี่ยงถังไม้ที่ยังถูกระดมขว้างจากคิงคองยักษ์อย่างไม่หยุดยั้ง แต่หนนี้ความเร็วของซุยฟงกลับเป็นต่อ
เธอโหนหมากฝรั่งย่นระยะเข้าใกล้โคลล์เรื่อย ๆ สายตามองถังไม้ที่พุ่งแหวกอากาศเข้าใส่พลางคำนวณเส้นทางหลบล่วงหน้า ไม้มีแม้เศษเสี้ยนของไม้กระเด็นมาสัมผัสผิวกายขาวนวลของซุยฟงได้เลย
โคลล์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนเส้นเลือดปูดโปนที่ขมับ สีหน้าถมึงทึงไม่เหมาะกับวัยบอกให้รู้ว่าบัดนี้มันสมองและความชาญฉลาดถูกแทนที่ด้วยอารมณ์โกรธแค้นจนหมดแล้ว
“ไม่ต้องขว้างถังแล้ว ไปขย้ำมันเลยสิ เจ้าลิงโง่!!”
คิงคองยักษ์พยักหน้าอย่างรู้คำสั่ง อาจเพราะมันเป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นจากเกม ทำให้ไร้ซึ่งสัญชาติญาณของสัตว์ป่า ร่างใหญ่สีน้ำตาลควบเท้าทั้งสี่วิ่งสุดกำลัง มือใหญ่หน้าเหวี่ยงคว้าร่างเล็กหมายบดขยี้
‘เฟี้ยววว!!!’
แต่ซุยฟงกลับว่องไวกว่า เส้นหมากฝรั่งถูกยิงพร้อมกันสองทิศทางรั้งร่างเธอไว้ไม่ให้เคลื่อนไปด้านหน้าต่อ จังหวะคว้าที่ลิงยักษ์หมายตาไว้เลยคลาดเคลื่อน
เธอคลายสายหมากฝรั่งในมือขวาก่อนยื่นเล็งไปยังลิงยักษ์ที่เสียหลัก
“Sticky Gum!!”
หนนี้หมากฝรั่งไม่ได้ถูกปล่อยมาเป็นสาย แต่กลับพุ่งมาเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่สองก้อน กระสุนหมากฝรั่งแปะเข้าที่ดวงตาของลิงยักษ์ทั้งสองข้าง มันพยายามดึงทึ้งแกะก้อนเหนียวหนึบ แต่ยิ่งแกะเท่าไหร่ นิ้วมือที่ใหญ่เกินไปก็ยิ่งทำให้แผ่นหมากฝรั่งแผ่กระจายกว้างจนครอบคลุมมิดทั้งเบ้าตา
“โฮกกก!!”
คิงคองคำรามเสียงดังสนั่น มันปัดป่ายซ้ายขวาอย่างทุรนทุราย กำปั้นทุบผาหินจนแผ่นดินรอบบริเวณสั่นสะเทือน
โคลล์ทรงตัวแทบไม่อยู่ ท่อนขาเล็กราวกับเด็กขาดสารอาหารทำให้เด็กชายต้องทรุดตัวลงนั่ง มือซ้ายข้างที่ไม่ได้ถือเครื่องเกมยันพื้นประคองร่างไม่ให้ล้มลง
“ทำบ้าอะไรของแก ไอ้ลิงหน้าโง่!!”
เด็กชายพยายามถอดตลับเกมออกเพื่อสลายร่างของลิงยักษ์ แต่ความสั่นสะเทือนกลับยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะจนบัดนี้ร่างเล็กต้องนอนหมอบกระแตกับพื้น
‘แปะ!!’
และเครื่องเกมทรงเหลี่ยมก็ถูกกระชากจากมืออย่างรุนแรง โคลล์มองตามเห็น SSS ของตนลอยหวือไปยังผาฝั่งตรงข้ามเพราะถูกดึงด้วยหมากฝรั่งเส้นยาวจากมือซุยฟง
หญิงสาวโบกมือให้โคลล์และตีสีหน้าล้อเลียน นักฆ่าร่างเล็กเจ็บใจจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าไม่ใช่ซุยฟง
แต่เป็นคิงคองจากพลังพิเศษของตัวเองต่างหาก!!
“ยะ.. ยะ.. อย่าเข้ามานะ!!”
คิงคองถูกปิดตาจนไม่รู้ทิศทาง มันได้แต่เพียงเหวี่ยงฟาดหมัดไปมาเพื่อหวังจะให้โดนศัตรูตามคำสั่งสุดท้ายของผู้เป็นนาย แต่เมื่อ SSS ไม่ได้อยู่ในมือโคลล์แล้ว สิทธิการบังคับเกมของเขาจึงหมดไป เสียงตะโกนไล่ของเด็กน้อยไม่อาจส่งผ่านถึงแก้วหูของลิงยักษ์ มันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ พร้อมพลังทำลายล้างที่รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ
‘ตึง!! ตึง!! ตึง!!’
กำปั้นทุบดินยุบเป็นหลุม รอยยุบใกล้เข้ามาทุกที โคลล์หวนนึกถึงฉากเกมที่เขาสร้างค้อนไล่ฟาดซูอัลขึ้นมาในห้วงสำนึก มันคือผลกรรมที่เขาได้ทำเอาไว้ และบัดนี้ผลกรรมนั้นก็ย้อนกลับเข้ามาหาตัวเขาแล้ว
กำปั้นหนายกค้างกลางอากาศ ก่อนเหวี่ยงฟาดลงมายังร่างที่นอนแน่นิ่งไม่อาจลุกขึ้นเพราะแรงสั่นสะเทือน
“แม่จ๋า ช่วยหนูด้วยยยยยยยยยย!!!!!”
‘เปรี้ยง!!’
โคลล์น้ำหูน้ำตาหรือกระทั่งน้ำมูกไหลเป็นสายจนหน้ามอมแมม กางเกงสามส่วนเปียกโชกด้วยปัสสาวะที่พรั่งพรูออกมาด้วยความกลัวสุดขีด ร่างสั่นกระตุกเฮือก ๆ คล้ายคนเป็นหอบหืด ดวงตาเบิกเกร็งค้างมองกำปั้นที่จางหายไปก่อนบดขยี้ร่างเขาไม่ถึงเซนติเมตรอย่างไม่อาจปิดเปลือกตาลงได้ง่าย ๆ
เสียงที่ดังขึ้นคือเสียงของเครื่องเกมที่ซุยฟงเขวี้ยงใส่กำแพงจนตัวเครื่องแตกกระจาย เธอกะจังหวะให้เฉียดฉิวกับที่โคลล์จะถูกกำปั้นทุบเพียงเสี้ยววินาที เพราะอยากสั่งสอนให้รู้ว่าเด็กชายไม่เหมาะสมกับสถานที่แห่งนี้
และเมื่อไร้ซึ่ง SSS เธอได้แต่หวังเพียงว่าโคลล์จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างเด็กธรรมดาคนอื่น ๆ ได้
“เลิกเล่นเกมแล้วกลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ เจ้าหนู”
คำพูดสุดท้ายก่อนจาก ซุยฟงก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโคลล์จะมีสติพอที่จะรับรู้หรือไม่
‘ตึง!! ตึง!! ตึง!!’
เสียงฝีเท้าดังพร้อมแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ต้นไม้ใหญ่น้อยสองข้างทางไม่อาจรั้งร่างของรูปปั้นยักษ์ที่วิ่งแหวกไล่กวดร่างเล็กของนักฆ่าตระกูลจาง
จางฉินเองก็เช่นกัน แม้เบื้องหน้าจะมีต้นไม้หนาขึ้นขวางกั้น แต่ฝ่ามือมีดของเขาก็ตัดสะบั้นจนต้นไม้โค่นล้ม เปิดทางให้เขารุดหน้าต่อไปไม่หยุด
“จะหนีไปไหนพ้น เจ้าหนอนแมลง”
โนมิสพ่นเสียงสั่นเครือ แม้ใจจะลำพองเพราะพลังพิเศษที่สามารถสร้างรูปปั้นหญิงสาวยักษ์จนเป็นต่อศัตรูได้ขนาดนี้ แต่สังขารก็ทำให้เขาแทบเกาะอยู่บนไหล่รูปปั้นไม่อยู่
จางฉินไม่โต้ตอบ มือสังหารหนุ่มยังคงวิ่งไปพลาง วางแผนหาทางรับมือไปพลาง
‘ผลุบ!!’
แล้วร่างเล็กก็ถลันหายเข้าไปในพงไม้ใหญ่ สายตาของโนมิสมองไล่ตามไปก็สะดุดลงแค่ปากทาง เพราะสุมทุมพุ่มไม้หนาที่บดบังทัศนวิสัย
“คิดว่าเข้าไปซ่อนในนั้นแล้วชั้นจะไม่มีปัญญาทำอะไรแกเหรอ โง่ไปล่ะมั้งเจ้าหนุ่ม”
หญิงสาวยักษ์ยกขาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะ ‘กระทืบ’ ลงไปที่พุ่มไม้นั้นสุดกำลัง
‘ตึง!!!’
“โอ๊ะ!!”
โนมิสอุทานเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ รูปปั้นยักษ์เสียหลักถลำไปด้านหน้าหลังจากการกระทืบพุ่มไม้จนโนมิสแทบหล่นร่วง
“ฝ่ามือมีด!!”
จางฉินทะยานร่างจากมุมอับที่โนมิสมองไม่เห็น ใช้ฝ่ามือคมกริบตัดเฉือนท่อนขาใหญ่ของรูปปั้นจนหญิงสาวยักษ์ล้มลงกระแทกธารน้ำตกจนน้ำแตกกระจายสาดซัดสองฟากฝั่งราวคลื่นยักษ์ โนมิสถูกแรงเหวี่ยงกระชากร่างกระเด็นลอยไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่จนชายชราล้มกองกับพื้น
นักฆ่าชราคงคิดไม่ถึงว่า ที่จางฉินหลบเข้าไปในพุ่มไม้ เขาไม่ได้ต้องการหลบหนีหรือซุกซ่อน แต่นักฆ่าตระกูลจางกลับวางแผนใช้ฝ่ามือคมกริบที่ตัดเฉือนได้ทุกอย่างฟาดฟันใส่พื้นหินหนาจนกร่อนละเอียดเป็นหินก้อนเล็กที่ลึกลงไปหลายเมตร เมื่อพื้นหินละเอียดโดนกระแทกด้วยแรงเหยียบ มันจึงยุบตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่ราวกับกับดักสัตว์
นักฆ่าชาวจีนเดินช้า ๆ แม้สีหน้าเรียบเฉย แต่รังสีอำมหิตกลับคุกคามจนนักฆ่าชราตัวสั่นงันงก ไม่อาจลุกขึ้นยืนเพื่อต่อสู้หรือหลบหนีได้เลย
“เอา SSS มาให้ฉันแล้วจะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากฆ่าแก”
โนมิสเหงื่อแตกพลั่กทั้งที่อากาศรอบ ๆ เย็นยะเยือก มือเหี่ยวย่นสั่นเทิ่มล้วงเข้าไปในเสื้อตัวหนา วัตถุแหลมเรียวถูกหยิบออกมา
“นะ.. นี่!! นี่คือสิ่วของมิเกลันเจโล.. SSS ของข้า” สายตาของชายชรามองจางฉินอย่างชั่งใจ “เจ้า.. ไม่ฆ่าข้าจริง ๆ ใช่มั้ย”
จางฉินพยักหน้า พลางรีดเร้นพลังพิเศษอาบไล้ฝ่ามือจนคมกริบ ฝ่ามือมีดยกตั้งเหนือ SSS ของโนมิสเตรียมฟาดฟันทำลาย
“แต่... ข้าอยากฆ่าเจ้าว่ะ!!”
จางฉินเบิกตาเรียวเล็กจนโพลง ฝ่ามือพลันเปลี่ยนทิศจากกดลงเป็นฟาดฟันไปด้านหลัง
แต่ไม่ทันการ!! ท่อนขาที่ถูกเปลี่ยนเป็นลิ่มแหลมทิ่มเจาะทะลุท้องของเขาก่อนแรงพุ่งกระแทกจะลากร่างนักฆ่าหนุ่มกระเด็นกลิ้งไปไกลหลายเมตร
โนมิสระเบิดหัวเราะเสียงกระเส่า ชายชราฝืนกายลุกอย่างลำบากเดินไปโอบรอบคอของรูปปั้นหญิงสาวที่บัดนี้มีขนาดเท่าคนปกติ ก่อนบรรจงจุมพิตที่ปากของรูปปั้นอย่างไม่รังเกียจ
“ทำได้ดีมาก ที่รัก”
หญิงสาวผมยาวยิ้มหวานให้ผู้สร้างชีวิต ขณะที่หญิงสาวอีกสี่เปลี่ยนสภาพแขนขาให้เป็นดั่งศาสตราวุธเดินย่างสามขุมเข้าหาจางฉินที่ยังนอนฟุบท่ามกลางกองเลือดที่ไหลทะลักไม่หยุด
“คิดจะมาฆ่าข้า ยังเร็วไปร้อยปีโว้ย ไอ้หนุ่ม!!” โนมิสคำรามอย่างลำพอง “รูปปั้นที่สร้างจาก ‘ดิน’ น่ะ ต่อให้ถูกฟันขาดยังไง ก็ปั้นกลับมารวมกันได้เหมือนเดิม พลังพิเศษของแกใช้กับสาว ๆ ของข้าไม่ได้ผลหรอก ฮ่า ๆ ๆ”
ลิ่มแหลมที่ถูกเปลี่ยนสภาพจากมือเรียวยาวหมายเจาะทะลุคร่าชีวิตของจางฉิน นักฆ่าหนุ่มปรือตามองร่างทั้งสี่อย่างเลือนราง เงาร่างที่เห็นเคลื่อนใกล้เข้ามาทีละนิด ๆ
ภาพที่เห็นไม่ชัดเจน กลับแจ่มชัดในความทรงจำอย่างน่าประหลาด
มันดูราวกับภาพนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต
“ปลด.. ขีด.. จำกัด”
เสียงแผ่วเบาราวกับลมเปล่งจากปากของจางฉิน
“สปิ.. ริต!!”
ลำแสงอาบไล้ฝ่ามือจนสว่างวาบราวดวงตะวัน หญิงสาวทั้งสี่เห็นปฏิกิริยาของศัตรูจึงไม่รอช้า พวกเธอเคยเห็นและเคยถูกพลังพิเศษของจางฉินโจมตีแล้ว พลังโจมตีระยะประชิดขอเพียงอยู่ห่างจากชายหนุ่ม พวกเธอก็จะรอดพ้นจากคมมีดสังหาร
“ย้ากกก!!”
เหล่ารูปปั้นสาวยืดแขนแผ่พุ่งออกไปราวกับเส้นเชือก ปลายแหลมพุ่งเข้าใส่จางฉินอย่างรวดเร็วราวจรวด
‘ฉับ!!’
ท่อนแขนยาวคล้ายเถาวัลย์พลันขาดสะบั้นทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างจากระยะโจมตีของจางฉิน หญิงสาวทุกตนกระโดดถอยหลังอย่างตกใจ
“คมมีด.. สุญญากาศ!!”
จางฉินลุกโงนเงน แขนสองข้างเหวี่ยงสะบัดเบา ๆ ไปด้านหน้า และการโจมตีครั้งนี้ก็ทำให้หญิงสาวทั้งสี่รู้ว่าพลังที่ตัดสะบั้นท่อนแขนของพวกเธอคืออะไร
ลำแสงจากฝ่ามือที่สะบัด ก่อกำเนิดเป็นคลื่นพลังรูปโค้งราวจันทร์เสี้ยว ใบมีดแสงแหวกพุ่งฝ่าอากาศและตัดเฉือนทุกอย่างที่อยู่ในรัศมี หญิงสาวสองตนถูกผ่าครึ่งร่างโดยที่ยังไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
โนมิสเองเมื่อเห็นพลังขั้นที่สองของจางฉินก็ตื่นตะลึงจนอ้าปากค้างเช่นกัน พลังระดับปลดขีดจำกัดแม้ในเหล่าเงารัตติกาล ก็มีเพียงนักฆ่าระดับรองหัวหน้าเท่านั้นที่ใช้ได้ แต่เขากลับได้เห็นพลังนี้จากนักฆ่าธรรมดาที่แปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายศัตรู
บัดนี้หญิงสาวทั้งสองรีบวิ่งมารวมกับอีกหนึ่งตนที่เหลือ ทั้งสามมองจางฉินที่ยืนโงนเงนอย่างหยั่งเชิง เมื่อหายตกใจโนมิสก็ตั้งสติได้
“พลังปลดขีดจำกัดอย่างนั้นเหรอ.. ก็แค่เพิ่มระยะคมมีดให้กลายเป็นอาวุธยิงโจมตีจากระยะไกล ถ้าเป็นแบบนี้ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเดิมหรอก”
จางฉินไม่โต้ตอบ สติเขาเริ่มลางเลือนเพราะเลือดที่ไหลทะลักจากช่องท้อง เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมันช่างเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
เหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รับพลังระดับปลดขีดจำกัด!!
ภาพความทรงจำฉายย้อนในสมอง จางฉินเห็นภาพตนเองตกอยู่ในวงล้อมของนักฆ่าเงารัตติกาลที่ถูกส่งมากำจัดคนทรยศอย่างตน ในวงแขนเขามีซุยฟงที่บาดเจ็บไม่ได้สติอยู่ เหล่านักฆ่ากลุ้มรุมเข้ามาพร้อมพลังพิเศษและอาวุธครบมือ วินาทีนั้นความตายอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ
บรรยากาศทั้งหมดกลับหายไป และถูกทดแทนด้วยภาพที่คุ้นตา
เขาอยู่ในห้องน้ำ!!
ชายร่างใหญ่ยืนหันหลังโกนหนวดอย่างขะมักเขม้น เสียงผิวปากเบา ๆ บ่งบอกถึงความสุขยามผิวหน้าถูกมีดโกนถากขนที่ผุดโผล่ออกมา ดวงตาเหลือบมองผ่านกระจกมายังนักฆ่าที่ปรากฏตัวโดยไม่ได้รับเชิญ
“หยิบผ้าเช็ดหน้าให้หน่อยสิ”
จางฉินแม้งุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ทำตามโดยดี
“ผมไม่มีเวลานะครับ พวกเรา.. หมายถึงผมกับคนรักกำลัง.. จะโดนฆ่า!!
คู่สนทนาไม่ตอบ ยังคงโกนหนวดอย่างสบายใจ สร้างความร้อนรนให้จางฉินอย่างมาก
“คุณยิลเลตต์!! ผมบอกว่าผมไม่มีเวลาแล้วนะครับ”
คิง แคมป์ ยิลเลตต์ จิตวิญญาณผู้สถิตอยู่ในใบมีดโกนซึ่งเป็น SSS ของจางฉินส่งสายตาตำหนิผ่านกระจกเงาบานกลมมาให้จางฉินจนชายหนุ่มเลิกหายใจฟึดฟัด
“ก็เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงยอมโกนหนวดที่อุตส่าห์ไว้มาตลอดชีวิต”
จางฉินเลิกคิ้ว เขาจำได้ว่าเมื่อครั้งแรกที่ได้สนทนากับจิตวิญญาณของยิลเลตต์ ชายร่างใหญ่มีหนวดเรียวงามงอนโค้งประดับอยู่เหนือริมฝีปาก
“มีดโกนน่ะ มีไว้ สำ หรับ ตัด นะ”
ยิลเลตต์เปิดน้ำล้างเศษหนวดที่ติดค้างบนใบหน้า วิญญาณหันกลับมาเผยใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา มีดโกนที่เพิ่งใช้งานเสร็จโยนใส่มือจางฉินที่รับอย่างแม่นยำ
นักฆ่าชาวจีนประสานมือขอบคุณ ยิลเลตต์ยิ้มมุมปากก่อนหยิบขวดอาฟเตอร์เชฟกลิ่นหอมออกมาลูบริมฝีปาก
ภาพตัดกลับมายังเหตุการณ์ปัจจุบัน แม้ต่างเวลา ต่างสถานที่ ต่างเหตุการณ์ แต่บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดกำลังดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
“คมมีดสุญญากาศ!!”
มีดลำแสงพุ่งด้วยความเร็วจนร่างกายไม่อาจตอบสนองได้ทัน เพียงพริบตารูปปั้นอีกสองร่างก็ถูกเฉือนขาดเป็นสองท่อนล้มตึงตามสองร่างแรกไปติด ๆ
แต่สีหน้าของโนมิสไม่แปรเปลี่ยน ชายชรามองรูปปั้นทั้งสี่ที่ถูกตัดแยกล้มกลิ้งไม่เป็นท่าอย่างไม่แยแส
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าผลลัพธ์มันไม่เปลี่ยนไปหรอก”
นักฆ่าชรากำสิ่วแน่น มือถ่ายทอดพลังเข้าสู่ SSS เตรียมใช้พลังพิเศษให้รูปปั้นที่ถูกตัดร่างกลับมาติดกันเหมือนเดิมเช่นเดียวกับครั้งที่ผ่าน ๆ มา เพราะคุณสมบัติของ ‘ดิน’ ที่ไม่ว่าจะถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเท่าใด ก็สามารถนำมาปั้นรวมกันกลายเป็นรูปร่างใหม่ได้เสมอ
แต่ไม่ว่าจะถ่ายทอดพลังมากเท่าไหร่ ซีกร่างที่ถูกแยกก็ไม่อาจเคลื่อนกลับมารวมกันได้เช่นเคย
“กะ.. เกิดอะไรขึ้น!!”
ชายชราเร่งพลังพิเศษเต็มกำลัง ชิ้นส่วนร่างกายหญิงสาวเคลื่อนเข้ามาใกล้กัน แต่ไม่ว่าจะประกบกันอย่างไร สุดท้ายก็หลุดจากกันเหมือนเดิม ไม่อาจเกาะติดกลายร่างเป็นหญิงสาวได้ดังเดิม
“ปลดขีดจำกัดสปิริตของฉัน คือการ ‘ตัด’” แสงสว่างวาบอาบไล้สันมือของจางฉิน “สิ่งที่ถูกตัดไปแล้ว จะไม่มีวัน ย้อน กลับ มา ติด ได้ ดัง เดิม!!”
ประโยคสุดท้ายดังขึ้น พร้อมกับการได้ยินของโนมิสที่ดับลง เพราะร่างของนักฆ่าชราถูกผ่าแยกเป็นสองส่วนในลักษณะเดียวกับรูปปั้นที่เขาบรรจงสรรค์สร้างขึ้นมา
หญิงสาวผมยาวที่เหลือยืนมองร่างไร้วิญญาณของผู้ให้กำเนิด สายตาปรากฏแววราวกับเธอมีจิตวิญญาณ แต่ก็เพียงชั่วครู่ เพราะร่างเพรียวระหงเริ่มละลายกลับกลายเป็นดินเหนียวดังเดิม
ลำแสงดับวูบจากมือจางฉิน ร่างล้มลงพร้อมสติที่หลุดลอย นักฆ่าตระกูลจางทดแทนบุญคุณสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้แล้ว
แผ่นดินสั่นสะเทือน
ท้องฟ้าคำรามลั่น
พลังมหาศาลกระหน่ำซัดใส่กันจนบรรยากาศในห้วงมิติพิเศษแตกลั่นดังเปรี๊ยะ ๆ
“Newton’s Gravity!!!”
แรงโน้มถ่วงกดลงยังร่างของแดเนียล แต่มือปืนหนุ่มไม่แม้แต่จะเคลื่อนหลบ
S&W M500 ทั้งสองกระบอกถูกยกชูขึ้น
“Absorption!!”
แรงโน้มถ่วงไหลวูบเข้าสู่ปากกระบอกปืน ก่อนที่แดเนียลจะกดไกปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงให้ย้อนกลับไปโจมตีคาซี
แต่รูปแบบพลังที่สองของแดเนียลซึ่งเคยถูกใช้แล้วครั้งหนึ่ง ไหนเลยที่คาซีจะพลาดพลั้งอีกหน
‘เปรี้ยง!!!’
คาซีสร้างแรงโน้มถ่วงจากด้านล่างอัดกระแทกแรงโน้มถ่วงจากปากกระบอกปืนจนพลังทั้งสองหักล้างกัน สลายไปในพริบตา
“GPS!!!”
กระสุนตะกั่วนับสิบระดมยิงรัวจากกระบอกปืนลูกโม่ พลังทำลายของมันมหาศาลกว่าปืนกระบอกเดิมที่คาซีเคยต่อกรด้วย
คาซีกระแทกแรงโน้มถ่วงเข้าดักกระสุนปืนเพื่อกดพวกมันให้จมพื้น แต่ความรุนแรงของกระสุน ย่อมหมายถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นไปด้วย
ชายหนุ่มย่นคิ้ว ร่างเคลื่อนหลบกระสุนอย่างเฉียดฉิวหลังจากพวกมันเคลื่อนหลบแรงโน้มถ่วงได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อกระสุนพุ่งผ่านไปแล้ว มันก็ตีวงโค้งย้อนกลับมาหาคาซีราวกับมีชีวิต
“น่า รำ คาญ!!ย้ากกกกกกก ๆ ๆ ๆ ๆ “
คาซีกระแทกแรงโน้มถ่วงเป็นชุดทั้งจากด้านล่างและบน รัศมีรอบตัวไม่มีที่ว่างแม้แต่ให้แมลงหวี่ตัวเล็กหลุดรอดเข้ามาได้
ไหนเลยกระสุนขนาดใหญ่จะบังอาจสัมผัสร่างของคาซีได้
พลังแรงโน้มถ่วงที่โจมตีถูกดูดกลืน
เช่นเดียวกับกระสุนสังหารที่ถูกตรึงไม่อาจเคลื่อนไหวได้
สิ่งที่ปะทะกันจนบรรยากาศบิดเบี้ยวมีเพียงจิตสังหารที่เข้มข้นจนรู้สึกอึดอัด
‘ฟ้าววว...... ฉึก!!”
เพราะสมาธิที่ทุ่มกับแดเนียล ทำให้คาซีไม่อาจระวังรอบกายจนถูกกระสุนแหลมพุ่งเสียบท่อนแขน และพริบตาที่ตระหนกกับการโจมตีที่ไม่รู้ที่มา พลังแรงโน้มถ่วงที่กดทับกระสุนปืนก็คลายลง กระสุนสังหารพุ่งทะลุทะลวงเข้าใส่คาซีจนร่างถูกอัดกระแทกล้มกองลงราวกับหุ่นเชิดถูกตัดสาย
“พวกเรามาช่วยแล้วครับ คุณแดเนียล”
นักฆ่าร่างผอมศีรษะโล้นผู้มีพลังควบคุม ‘กระดูก’ ตะโกนบอกคาซี ด้านหลังของมันมีเหล่านักฆ่านับสิบยืนเรียงรายอยู่ ทุกสายตาจ้องมองคาซีอย่างเย้ยหยัน เพราะได้ข่าวว่าเส้นทางสุดท้ายที่มีนักฆ่าดักรออยู่มากที่สุดกลับถูกทำลายราบและเหล่านักฆ่าก็ถูกจัดการจนเกลี้ยง นักฆ่าที่เหลือที่ต้องปกป้องประตูปราสาท จึงพากันบุกมายังเส้นทางนี้เพื่อจัดการศัตรูที่ร้ายกาจให้ราบคาบ
แดเนียลมองสภาพคาซีด้วยดวงตาที่คลายความโทสะลง ภาพพ่อแม่ที่ถูกฆ่าซ้อนทับกับร่างของคาซีจนเขาต้องสะบัดศีรษะไล่ความคิดเวทนาออกไป
เหล่านักฆ่าเดินลงจากถนนลาดชัน คาซีที่หอบหายใจรวยรินกัดฟันกรอดมองดูเหล่ายมทูตในคราบมนุษย์ที่เคลื่อนกายเข้าใกล้เรื่อย ๆ อย่างเจ็บแค้น ลำพังแค่แดเนียลคนเดียวก็ตึงมือจนเขาไม่อาจจัดการได้ ยิ่งบาดแผลสาหัสขนาดนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจัดการเหล่านักฆ่านับสิบลงได้
“เดี๋ยวพวกผมจัดการศัตรูเสร็จแล้วพวกเราค่อยกลับเข้าไปในปราสาท ตอนนี้คุณแดเนียลนั่งพักก่อนเถอะครับ” นักฆ่าศีรษะโล้นผายมือไปที่หินเหลี่ยมก้อนใหญ่ “นั่งพัก.. ไปตลอดชีวิตเลยนะ!!”
ท่อนแขนที่ผายออกไป กลับมีกระดูกขาวโพลนโผล่พรวดออกมา แท่งกระดูกปาดเฉือนสีข้างแดเนียลจนเนื้อหลุดเป็นแถบ รองหัวหน้าหนุ่มดีดตัวไปด้านหลังพลางกุมสีข้าง กระสุนปืนที่เหลือเพียงไม่กี่นัดถูกปลดปล่อยใส่นักฆ่าตามสัญชาตญานทันที
‘กึก ๆ ๆ !!!’
กระดูกซี่โครงทะลุจากร่างก่อนหนีบงับกระสุนสี่ลูกที่พุ่งใส่ เหล่ากระสุนสั่นระริกราวกับดิ้นรนจากพันธนาการ แต่ส่วนที่แข็งที่สุดในร่างอย่างกระดูกย่อมไม่อาจปล่อยให้กระสุนที่หมายสังหารตนเองเป็นอิสระได้
“นึกว่าพวกฉันไม่รู้รึไง ว่าแกคิดทรยศต่อเงารัตติกาล ไอ้แดเนียล”
ถ้อยคำแปรเปลี่ยนจากคำพูดสุภาพนอบน้อมเป็นก้าวร้าวไม่เคารพยำเกรง สายตามองแดเนียลอย่างสมเพชเช่นเดียวกับมองคาซีเมื่อครู่ แววตาเหี้ยมเกรียมของนักฆ่าเปลี่ยนเป้าหมายจากคาซีมาเป็นอดีตรองหัวหน้าเป็นตาเดียว จิตสังหารที่แผ่ใส่ทำให้แดเนียลรู้ทันทีว่าบัดนี้ตนตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูแล้ว
อาจเพราะโชคชะตาเล่นตลก คู่ต่อสู้ที่เมื่อครู่ห้ำหั่นเอาชีวิตกัน บัดนี้กลับตกอยู่ในสภาพเดียวกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ถูกลูกน้องหักหลังอย่างนั้นเหรอ หึ ๆ”
คาซีแค่นคำพูดอย่างยากลำบาก ลมหายใจร้อนผ่าวเพราะอาการบาดเจ็บ
แดเนียลพ่นลมจากจมูกฮึดฮัด “พวกมันไม่ใช่ลูกน้องฉัน เพราะเงารัตติกาลทุกคนต้องโดนฉันกำจัด”
คาซีย่นคิ้ว นักฆ่าระดับรองหัวหน้ากลับประกาศกร้าวว่าจะโค่นล้มเงารัตติกาลเช่นเดียวกับตน
“ไหน ๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว บอกได้มั้ย ว่านายเป็นใคร ทำไมถึงจ้องเอาชีวิตฉันและพวกเงารัตติกาล”
แดเนียลทรุดร่างลงอย่างเหนื่อยหอบ กลุ่มนักฆ่ารีดเค้นพลังใส่ SSS ของตนเพื่อเตรียมตัวปลดปล่อยพลังพิเศษ พลังโจมตีจากนักฆ่าทุกคนกำลังพุ่งเข้าสังหารศัตรูใกล้ตายทั้งสอง
“ครอบครัวฉันถูกพ่อแกฆ่า ทั้งพ่อแกและเงารัตติกาลคือศัตรูของฉัน”
คาซีเบิกตากว้าง ความคับแค้นที่ครอบครัวถูกทำลายเขาเองย่อมรู้ดีกว่าใคร ชายหนุ่มมองหน้าแดเนียลด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ภาพตัวเขาเองซ้อนทับบนร่างของนักฆ่าผมยาว
“ฉันยอมตายแทนพ่อ” คาซีประกาศก้องจนแดเนียลหันขวับมามอง “แต่ต้องหลังจากที่เงารัตติกาลถูกกวาดล้างไม่เหลือซาก”
แดเนียลมองลึกลงไปในดวงตามั่นคงของคาซี
ไม่ต้องมีบทสนทนาต่อ
ไม่ต้องมีการต่อรอง
คำตอบปรากฏออกมาในรูปการกระทำแล้ว!!
“Newton’s Gravity!!!”
คาซีใช้พลังยกร่างตนเองและแดเนียลให้ลอยหลบพ้นพลังโจมตีนับสิบสายที่พุ่งซัดเข้าใส่ ทั้งอาวุธและกระแสพลังพุ่งผ่านด้านล่างไปอย่างฉิวเฉียด เหล่านักฆ่าไม่คิดว่าทั้งสองที่ฟาดฟันกันจนเกือบตายบัดนี้กลับร่วมมือกันได้
กระบอกปืนดูดซับแรงโน้มถ่วงด้านล่าง และยิงกระสุนพลังพิเศษของคาซีเข้าใส่กลุ่มนักฆ่าจนน้ำหนักของพวกมันเพิ่มขึ้นมหาศาลนอนกองกับพื้น ไม่อาจประคองร่างตัวเองให้ลุกยืนได้
กระดูกที่พันธนาการกระสุนคลายแรงบีบ แดเนียลสามารถบังคับกระสุนให้เคลื่อนที่อย่างอิสระอีกครั้ง ห่ากระสุนทั้งหมดลอยขึ้นปกคลุมท้องฟ้าก่อนที่คาซีจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออัดแรงโน้มถ่วงใส่กระสุนทั้งหมดให้พุ่งลงพื้นด้วยความเร็วมหาศาล
โครงกระดูกผุดยื่นออกมาจากทั่วร่างหมายยึดจับลูกกระสุน ขณะที่นักฆ่าบางคนแปรเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายเป็นเหล็กกล้า
‘ฉึก ๆ ๆ ๆ ๆ!!!’
กระดูกแตกละเอียด เหล็กกล้าถูกเจาะทะลุ กระสุนสังหารที่ผสานแรงโน้มถ่วงทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ต่อให้โลกนี้มีวัตถุที่แข็งกล้าทนทานเพียงใด ก็ไม่อาจต้านทานพลังสังหารที่รุนแรงขนาดนี้ได้
นักฆ่าทั้งหมดตายคาที่ในพริบตา!!
แดเนียลสำนึกถึงเป้าหมายจนทำให้เขาได้สติ ลำพังคาซีเพียงคนเดียวย่อมไม่ใช่อุปสรรคที่เขาจัดการไม่ได้ เขาจึงลืมความแค้นชั่วคราวและร่วมมือกับศัตรูเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
มือปืนหนุ่มประคองไหล่คาซีมุ่งหน้าเข้าสู่ปราสาทเงารัตติกาล
สองคน สองที่มา สองความคิด สองขั้วแห่งความต่าง
แต่เป้าหมายของทั้งคู่กลับเหมือนกัน คือการกำจัดหัวหน้าเงารัตติกาลคนปัจจุบัน... วาร์ด เยอร์มูห์!!
[1] แอ็งกรีเบิดส์ (Angry Birds) วีดีโอเกมแนวลับสมอง พัฒนาโดยบริษัทโรวิโอโมไบล์ของประเทศฟินแลนด์