บทที่ 11 : ปลดขีดจำกัดสปิริต
ไม่จริงใช่ไหม...
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือความฝันใช่ไหม...
ตาของเธอยังมองมาที่เรา รอยยิ้มที่มุมปากก็ยังไม่จางหาย...
แล้วสิ่งที่เห็นมันคืออะไรกันล่ะ...
“ว้ากกกกกกกกก!!!!!”
พลังพิเศษถูกใช้ก่อนสมองประมวลเรื่องราวได้ มวลอากาศยุบตัวราวกับถูกหัตถ์แห่งพระเจ้ากดกระแทก แรงโน้มถ่วงมหึมาพุ่งใส่ตำแหน่งที่จางล่งยืนอยู่ด้วยความรุนแรงที่สุดเท่าที่คาซีเคยใช้พลังพิเศษมาก่อน
ไม่เพียงแต่จะไม่ตกใจกลัว จางล่งกลับแสยะยิ้มพลางเกร็งพลังใส่หมัดขวาจนกำปั้นส่องแสงสีแดงเข้มราวพระเพลิง
“หมัดดินระเบิด!!!”
หมัดพุ่งชกแหวกอากาศขึ้นด้านบนเข้ากระแทกแรงโน้มถ่วง เสียงระเบิดดังสนั่นปานพสุธากัมปนาท แรงโน้มถ่วงที่สามารถกดทับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างพลันถูกระเบิดปลิดปลิวจนจางไปกลายเป็นเพียงคลื่นอากาศสั่นไหวเบา ๆ เท่านั้น
“Newton’s Gravity!!”
แรงโน้มถ่วงอัดกระแทกซ้ำย้ำตรงที่เดิมนับสิบครั้ง แต่หมัดที่สามารถระเบิดทุกสิ่งที่สัมผัสไม่ว่าจะเป็น ‘วัตถุ’ หรือ ‘พลังพิเศษ’ พลังที่ได้รับจาก SSS ‘เจลลิกไนท์ของโนเบล'[1] ทำให้การโจมตีของคาซีไร้ผล ร่างกายจางล่งไม่มีแม้รอยขีดข่วน
แต่ถึงแรงโน้มถ่วงจะไม่อาจระคายผิวศัตรู คาซีซึ่งตอนนี้ขาดสติอย่างสมบูรณ์แบบ ก็กระหน่ำโจมตีตามสัญชาตญาณ เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน ดวงตาวาวโรจน์ราวกับเสือสมิง หมัดกำแน่นจนเล็บจิกผิวเนื้อเลือดซึม พลังกายและพลังใจทั่วร่างถูกดึงออกมาปลดปล่อยเป็นพลังโจมตีต่อเนื่อง สายตาเขาไม่อาจละจากใบหน้าหญิงสาวที่ยืนแข็งค้างราวหุ่นขี้ผึ้ง น้ำตาที่เหือดแห้งไปนานแสนนานพลันเอ่อล้นจนภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน
“ไม่.. จริง!!!!”
ร่างไร้วิญญาณยืนโงนเงนก่อนจะล้มตัวลงมาด้านหน้า คาซีไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะยกแขนขึ้นรับร่างนั้น ใบหน้าขาวซีดฟุบซบลงกับไหล่ชายหนุ่ม เลือดไหลพรากเจิ่งนองท่วมพื้นจากเท้าลูเซียไหลไปหาคาซีคล้ายต้องการเชื่อมโยงทั้งคู่ไว้ด้วยกัน
ความจริงที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ ทำให้จิตใจแข็งกระด้างแตกสลายราวเศษแก้ว ฝ่ามือชื้นเหงื่อยกอย่างช้า ๆ วางที่ไหล่ลูเซีย ผิวกายเย็นเฉียบจนมือชาด้าน คาซีโอบตัวเธอไว้ราวกับกลัวว่าร่างจะสูญสลายหายไป
“รักกันนัก ก็ตามไปอยู่ด้วยกันในนรกซะ!!”
แสงสีแดงพุ่งแยงจนตาแสบพร่า ร่างมัจจุราชเคลื่อนกายดุดันราวพยัคฆ์ จางล่งทะยานออกหมัดเข้าใส่คาซีเพื่อปิดบัญชี
มือเรียวบางยกขึ้นตามสัญชาตญาณ เสียงดีดนิ้วดัง ‘เป๊าะ!!’ เป็นสัญญาณการใช้พลังพิเศษ จางล่งที่คิดว่าพลังของคาซีคือการ ‘กดกระแทก’ จากด้านบน จึงไม่ทันระวังแรงโน้มถ่วงที่สามารถ ‘ยกลอย’ จากด้านล่างได้ จึงถูกอัดกระเด็นลอยขึ้นฟ้าสูงเหนือหลังคาบ้าน
แต่นักฆ่าตระกูลจางใช่จะไร้ฝีมือ แม้ร่างเสียหลักลอยละลิ่วอยู่กลางเวหา เขากลับสามารถพลิกม้วนร่างทรงตัวก่อนพุ่งตรงลงมาใส่ศัตรูอย่างรวดเร็วดุจดาวตก
“หมัดดินระเบิด!!”
แรงระเบิดมหาศาลแผ่ปกคลุมจนบ้านเรือนพังเสียหาย กำแพงอิฐแตกร้าวเป็นทางยาว กระจกทั่วบริเวณแตกละเอียดเป็นเม็ดเล็กเม็ดน้อย ประกายแสงแผ่จ้าสว่างวาบรอบบริเวณ เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาทราวกับฟ้าถล่ม ลมกรรโชกพัดพาฝุ่นควันลอยตลบอบอวลทุกทิศทาง
จากทางแยกสามทาง ผมกับเน็กเธอร์วิ่งตรงมาขณะที่คาซีกับหมอลูเซียและซูอัลกับหมอเซราห์วิ่งแยกไปอีกคนละทาง
แม้ตอนแรกจะอุ่นใจที่มีทั้งคาซี เน็กเธอร์ และซูอัลอยู่กันพร้อมหน้า แต่เมื่อเห็นพลังพิเศษและแววตาคมกริบราวมีดโกนที่เชือดเฉือนทุกสิ่งให้ขาดเป็นเสี่ยงของชายชาวจีนชุดดำนั่นทำเอาผมแข้งขาอ่อน การที่เน็กเธอร์บอกให้พวกเราหนีมาตั้งหลักก่อนจึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง
เราวิ่งมาไกลเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่เพียงร่างกายเริ่มล้า แขนขาแทบหมดกำลัง ผมวิ่งต่อไม่ไหวจึงนั่งพิงกำแพงอย่างหมดแรง หัวใจเต้นรัวจนหน้าอกสะเทือน เน็กเธอร์หันมองอย่างหงุดหงิด
“นายนี่มันถ่วงแข้งถ่วงขาชะมัด”
ผมทำหน้าสำนึกผิด แม้อยากวิ่งต่อแต่ร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่สมองสั่ง เน็กเธอร์หันมองกลับไปยังทางที่วิ่งมาพบว่าห่างจากโกดังพอสมควร เขาจึงย่อกายลงนั่งพักบ้าง
แต่ก้นยังไม่ทันสัมผัสพื้น เน็กเธอร์กลับต้องดีดตัวผึงขึ้นมา เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร
‘ตึก.. ตึก.. ตึก..’
ชายชุดดำสายตาเย็นชาราวเครื่องจักร เดินช้า ๆ เข้าหาพวกเรา
บ้าไปแล้ว!! นี่เราวิ่งกันมาแทบตาย แต่ไอ้หมอนี่เพียงแค่เดินเบา ๆ กลับตามพวกเราทัน มันเป็นวิญญาณหรือยังไงกัน
ไม่พูดพล่ามทำเพลง เน็กเธอร์พุ่งเข้าใส่พลางง้างขาเตะศัตรูเต็มแรง ท่อนขาแหวกอากาศตรงเข้าหาชายชายผมดำอย่างไม่ปรานีปราศรัย
‘กึก!!’
เพราะเน็กเธอร์มีฝีมือด้านการต่อสู้ เขาจึงสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจนทำให้ร่างกายหยุดเคลื่อนไหวอัตโนมัติ ขายังไม่ทันสัมผัสร่างศัตรู เขาก็ต้องกระโดดถอยหลังกลับมา
“ส่ง SSS มา”
เสียงเย็นแผ่วเบาดุจกระซิบ นักฆ่าเปิดม่านตาเรียวเล็กมองพวกเราก่อนจะปิดลงดังเดิม ใบหน้าเขาดูนิ่งสงบราวพระพุทธรูป ผิวกายขาวเหลืองไม่เข้ากับชุดและผมสีดำสนิท บรรยากาศสงบที่แผ่ซ่านจากตัวเขาช่างแตกต่างจากนักฆ่ารายอื่นที่เคยพบ
และกว่าที่จะได้คิดอะไรต่อ ร่างที่ยืนเบื้องหน้าพลันหายไปจากจักษุวิสัย เน็กเธอร์คว้าคอเสื้อผมดึงจนร่างถูกกระชากลอยถอยหลัง
‘ฉับ!!’
เสื้อยืดขาดเป็นทางยาวราวกับถูกมีดตัด ตาที่ยังปรับทัศนวิสัยไม่ทันเบิกค้างกว้างอย่างทำอะไรไม่ถูก เพียงพริบตาเดียว นักฆ่าชุดดำก็ปรากฏกายอยู่ข้างหน้า
ท่อนแขนไขว้กันเป็นกากบาท ก่อนจะฟาดสันมือลงมายังผมเต็มแรง
“ฝ่ามือมีด!!”
แม้เป็นเพียงสันมือ แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความตาย ร่างที่เสียหลักไม่อาจพลิกตัวหลบการโจมตีนี้ได้
“X-Ray!!!”
เน็กเธอร์ใช้พลังพิเศษจนร่างผมโปร่งใส มือมีดฟันทะลุผ่านร่างราวกับฟาดฟันอากาศธาตุ
ชายชุดดำไม่ตระหนก เขาง้างสันมือที่ถูกพลังพิเศษซึ่งได้รับจาก SSS ‘ใบมีดของยิลเลตต์'[2] ทำให้สันมือมีความคมดุจมีดโกนเหวี่ยงฟาดเป็นวง รัศมีการโจมตีครอบคลุมเราทั้งคู่
เน็กเธอร์ใช้พลังพิเศษกับตัวเองทำให้ร่างพวกเราโปร่งใส เขากระชากผมวิ่งทะลุกำแพงบ้านเพื่อทิ้งระยะห่างศัตรู
“ฉับ!!!!”
กำแพงคอนกรีตหนาเกือบฟุตถูกตัดเฉือนจนขาดเป็นสี่ท่อน ก้อนคอนกรีตร่วงครืนลงพื้นเผยร่างอันน่าตระหนก
เน็กเธอร์หันมองด้วยสีหน้าลำบากใจ เหงื่อซึมท่วมใบหน้า
“เวรล่ะสิ!!”
ซูอัลก้าวเท้ายาววิ่งด้วยความเร็วเกือบเทียบเท่ารถมอเตอร์ไซค์ แต่แม้ชายหนุ่มจะวิ่งมาเป็นระยะทางไกล เขากลับไม่แสดงอาการหอบเหนื่อยแม้แต่น้อย
ตรงข้ามกับหญิงสาวในอ้อมแขน เซราห์หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เธออยากบอกให้เขาวางเธอลงเพราะตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บและวิ่งเองได้ แต่เสียงกลับไม่อาจลอดออกมาจากปาก
เส้นทางด้านเป็นทางตัน เขาจึงปีนรั้วกั้นเตี้ย ๆ เข้าไปในป่า ต้นไม้ใหญ่น้อยปกคลุมครึ้มบดบังแสงอาทิตย์ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ซูอัลเหลือบมองเซราห์ก็นึกขึ้นได้
เขาวางร่างหญิงสาวลง เซราห์รีบถอยกรูดทิ้งระยะห่าง
“เอ่อ... คุณหมอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”
หญิงสาวส่ายหน้าอย่างแรงจนแว่นแทบหลุด “มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ซูอัลยิ้มอ่อนโยน เขาเดินนำหน้าเซราห์พลางมองซ้ายขวาอย่างระวัง
แต่กลับเป็นเซราห์ที่สัมผัสได้ถึงอันตราย...
“ระวัง!!!”
งูเหลือมตัวยาวกว่าสี่เมตรห้อยตัวจากบนต้นไม้คล้ายเถาวัลย์ มันขดตัวก่อนพุ่งเข้าใส่ซูอัลหวังจะรัดร่างเขา โชคดีที่ซูอัลได้ยินเสียงเตือนของเซราห์ เขาจึงย่อตัวและม้วนร่างหลบทันท่วงที
เซราห์พยายามจ้องมองจิตใจงูตัวนั้นเพื่อสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึก แต่สิ่งที่เธอได้รับไม่ต่างจากฝูงงูพิษที่หลุดเข้ามาในโรงพยาบาล จิตใจมีแต่ความมุ่งร้ายโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลใด ๆ เธอถอยกรูดด้วยความกลัวและไม่เข้าใจเหตุการณ์ประหลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งกลุ่มคนที่จับตัวเธอกับลูเซียไป พวกคาซีที่ตามมาช่วย การต่อสู้ที่มหัศจรรย์ราวกับนิยาย ทุกอย่างมันเร็วจนเธอตั้งสติไม่ทัน
ซูอัลรีบคว้าข้อมือเซราห์วิ่ง ลำพังแค่งูตัวเดียวเขาคงจัดการได้ แต่ถ้าต้องต่อสู้ไปด้วยคุ้มครองเซราห์ไปด้วย เขากลัวเธอจะได้รับอันตราย จึงตัดสินใจหลีกเลี่ยงการต่อสู้
“โฮกกกก!!”
เสียงคำรามดังสนั่น ตามมาด้วยเสียงพงหญ้าถูกแหวก ร่างใหญ่ในขนสีดำตะปบต้นไม้ขนาดเล็กขาดกระจุย กรงเล็บแหลมทั้งห้าแข็งแกร่งปานเหล็ก ขนที่หน้าและแผงคอรูปตัว ‘V’ ทำให้เซราห์ตาค้าง
“ไม่.. จริง”
คราวนี้กลับเป็นเซราห์ที่ดึงมือซูอัลวิ่งย้อนกลับทางเดิม สัตว์ร้ายเบื้องหน้าอันตรายยิ่งกว่างูเหลือมที่เจอมาเสียอีก
หมีควายตัวใหญ่พ่นลมออกจมูก ก่อนจะวิ่งไล่กวดทั้งคู่ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า พวกเขาคงไม่มีเวลาได้สังเกต ว่าบนหลังของหมีมีชายร่างแคระเกาะอยู่
ดัลลิเวอร์กระหยิ่มยิ้มในใจ ศัตรูท่าทางไร้พิษสงกับผู้หญิงคนเดียวย่อมง่ายต่อการลงมือ เขาจึงเลือกตามซูอัลมา หมีควายตัวใหญ่นี้คือหนึ่งในสัตว์แสดงโชว์ในคณะละครสัตว์ของเขาที่ยังเหลืออยู่ ชายแคระป้อนคำสั่งให้มัน ‘กำจัด’ ชายหนุ่มผู้เชื่อมต่อ
เซราห์วิ่งอย่างยากลำบากเพราะในป่ามีต้นไม้ขึ้นเรียงรายไม่เป็นระเบียบ เธอหลบซ้ายทีขวาที ขณะที่หมีควายไม่สนใจเหล่าพืชพันธุ์ต่าง ๆ ร่างใหญ่พุ่งชน ตบข่วนจนต้นไม้ล้มระเนระนาดเป็นทางยาวราวหญ้าถูกดาย น้ำลายไหลยืดเป็นฟองขาวหยดย้อยจากปากอย่างควบคุมไม่ได้ ดัลลิเวอร์ฟาดแส้ใส่ก้นมันเพื่อเร่งให้สัตว์ร้ายเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
เซราห์เหนื่อยหอบจนตัวโยน แต่มหันตภัยร้ายที่วิ่งไล่กวดมาสุดฝีเท้าทำให้เธอไม่อาจหยุดยั้งสองขาได้
“X’Mas Gift!!!”
กล่องของขวัญสีขาวส่องแสงเป็นประกายลอยอยู่กลางอากาศ ซูอัลคว้าเชือกกระตุกเต็มแรงจนของในกล่องหล่นร่วงลงพื้น
ซูอัลและเซราห์วิ่งสุดฝีเท้า ขณะที่ดัลลิเวอร์ซึ่งอยู่บนหลังหมีไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่รู้เลยว่าทางข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวมี ‘กับดักสัตว์’ ที่ทำจากเหล็กอันใหญ่อ้าคมรออยู่
‘ฉึก!!!’
คมเขี้ยวของกับดักประกบเข้าหากันทันทีเมื่อหมียักษ์วิ่งเหยียบ รอยบากแหลมราวฟันจระเข้งับอุ้งเท้าหมีควายจนมันล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ดัลลิเวอร์ที่เกาะอยู่บนหลังก็พลันร่วงกระเด็นไปกระแทกต้นไม้จนหลังแอ่น
แสงสว่างรำไรที่ลอดผ่านหมู่แมกไม้ส่องทางด้านหน้าให้เห็นภาพถนนจาง ๆ ซูอัลยิ้มอย่างโล่งใจขณะที่เซราห์เริ่มวิ่งต่อไปไม่ไหว เธอเอามือพิงต้นไม้หอบหายใจยาว
ซูอัลมองหญิงสาวอย่างเป็นห่วง
“ไหวมั้ยครับ”
เขาทำท่าจะเข้ามาประคอง ทำให้เซราห์ต้องดีดตัวตรงผึงก่อนพยักหน้ารัว ทั้งคู่เดินแหวกกิ่งไม้หนาเข้าหาแสงสว่างจากถนน เพียงไม่กี่ก้าวเขาทั้งคู่ก็จะพ้นชายป่า
“จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ พ่อรูปหล่อ” เสียงแหลมเล็กหยุดฝีเท้าทั้งสองคนไว้
เซราห์หันมองกลับไปก็ต้องตกใจถึงขีดสุด เมื่อร่างเล็กในชุดถังจวงสีชมพูนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ใบหน้าแม้ไร้เดียงสาแต่แววตากลับเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก หมอสาวยังจำภาพลมหมุนที่เคยเกือบคร่าชีวิตเธอได้ติดตา
ซูอัลยืนขวางหน้าเซราห์ สายตามองหญิงสาวด้านบนอย่างระวัง พลังพิเศษถูกใช้ไปแล้วสองครั้ง เหลือกล่องของขวัญอีกเพียงกล่องเดียวที่เขาสามารถใช้ได้ในวันนี้ ซูอัลจึงไม่ประมาท
“ฉันชื่อจางลี่ เธอล่ะ”
ซูอัลเลิกคิ้วเมื่อนักฆ่ากลับเป็นฝ่ายแนะนำตัว เขามองสาวน้อยอย่างประหลาดใจ
“อะ เอ่อ.. ซูอัล”
สายตาเจ้าเล่ห์พลันเปลี่ยนเป็นดุดันราวสมิง รอยยิ้มแสยะเปลี่ยนใบหน้าเดียงสากลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็น
“สวัสดีนะจ๊ะซูอัล แล้วก็.. ลา ขาด!!!”
ฝ่ามือสองข้างกางยื่นมาด้านหน้า มวลอากาศถูกดูดจากรอบข้างจนใบไม้สั่นไหว ก่อนที่ก้อนอากาศจะยืดยาวราวงูตัวใหญ่พุ่งทะลวงเข้าใส่ซูอัลและเซราห์
ลมหมุนพัดทำลายทุกสิ่งเบื้องหน้าแหลกกระจุย ความเร็วของมันทำให้ชายหนุ่มไม่อาจขยับร่างกายเพื่อตอบโต้ได้ทัน
‘ขวับ!!!’
เหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกราวกับภาพยนตร์ฉายซ้ำ ภาพเหยื่อสองคนที่ไร้ทางหลบหนีซึ่งมองเห็นอยู่กลับเปลี่ยนเป็นภาพต้นไม้ใหญ่ที่อยู่คนละทิศทาง ลมหมุนฉีกกระชากต้นไม้กระจุยกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ลำต้นหนาหักโค่นล้มครืนลงมากระแทกพื้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“เกิดอะไรขึ้น!!”
จางลี่หันมองเห็นร่างของชายหญิงวิ่งแหวกพงไม้ออกจากชายป่าไปอย่างเจ็บแค้น เธอกระโดดลงจากต้นไม้และวิ่งไล่ตามไปโดยไม่รู้เลยว่าเหนือศีรษะตัวเองมีนกแก้วตัวใหญ่บินอยู่
แม้ร่างจะโปร่งใสราวกับอยู่คนละมิติกับนักฆ่ามือมีด แต่ระยะเวลาในการใช้พลังของเน็กเธอร์ก็มีขีดจำกัด เพียงไม่นานร่างกายของเราทั้งคู่ก็คืนสู่สภาพเดิม
และพริบตาศัตรูก็พุ่งตัวเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่สามารถหวังพึ่งพลังของเน็กเธอร์เพียงคนเดียวได้ ผมจึงสร้างตารางแสงขึ้นดักด้านหน้าของนักฆ่าชุดดำ ตัวเลขแสดงค่าการคำนวณเพื่อ ‘ลดความเร็ว’ หากศัตรูพุ่งผ่าน
แต่ดูเหมือนจะไร้ผล นักฆ่าเคลื่อนกายพลิ้วไหวหลบเลี่ยงตารางแสงทีละอัน การเคลื่อนไหวคล้ายร่ายรำนี้ผมเคยเห็นจากภาพยนตร์มาก่อน เขาเรียกว่า ‘กังฟู’ สินะ
เมื่อลดความเร็วไม่ได้ผล ตารางแสงที่ให้ผลตรงข้ามก็ถูกสร้างแทนที่
ผมขว้างก้อนหินใส่ตารางเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นลูกกระสุน ความเร็วของมันมหาศาลจนเกือบเทียบเท่ากระสุนปืน
‘ฉับ!!’
สันมือคมกริบเฉือนฟันหินขาดเป็นสองท่อนร่วงหล่นเหมือนครั้งก่อนที่เขาเคยหยุดการโจมตีนี้ได้ สถานการณ์เข้าตาจนจริง ๆ แล้วเมื่อพลังพิเศษทั้งของผมและคาซีไม่อาจทำอะไรนักฆ่ารายนี้ได้เลย
และเพียงชั่วอึดใจ สันมือมีดก็เหวี่ยงฟาดมาที่ผมและเน็กเธอร์ที่ยังยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก
“Sticky Gum!!!”
ร่างในชุดดำพลันถูกดึงจากด้านหลังจนตัวลอยราวกับหนังยางดีดกลับ เส้นเหนียวยืดยาวสีขาวที่แปะด้านหลังชักดึงร่างเขาพุ่งเข้ากระแทกรถยนต์ที่จอดไว้อย่างแรงจนรถยุบไม่เหลือสภาพ
เน็กเธอร์มองร่างในชุดกี่เพ้าที่ยืนบนกำแพงอย่างไม่เชื่อสายตา
“ธะ.. เธอ”
ซุยฟง หลัน นักฆ่าแห่งเงารัตติกาลผู้ใช้พลังหมากฝรั่งเพิ่งช่วยชีวิตเขาไว้
ฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายค่อย ๆ จางหายไป สภาพบ้านเรือนพังทลายเสียหายเป็นวงกว้างราวกับถูกระเบิดขีปนาวุธทำลายล้าง ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้นพลันล้มตายคาบ้านโดยที่ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จางล่งหักนิ้วดังกร๊อบ ตำแหน่งนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่ได้มาเพียงชื่อ หากแต่ได้มาเพราะพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
สามพี่น้องได้รับการเลี้ยงดูจากนักฆ่าอันดับหนึ่งของปักกิ่ง แม้พวกเขาจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ก็รักใคร่กันเช่นพี่น้อง จางล่งและจางลี่ถูกปลูกฝังความเหี้ยมโหดอำมหิต การฆ่าเปรียบเสมือนอาหารประทังชีวิตที่ขาดไม่ได้ ในขณะที่จางฉินกลับแตกต่าง มีเพียงเขาคนเดียวที่ฆ่าคนเมื่อจำเป็น จึงถูกดูแคลนจากพี่และน้อง
เมื่อจางล่งได้รับพลังพิเศษจากการเชื่อมต่อกับ SSS ระเบิดที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง มันช่างผสานกันได้อย่างลงตัวกับหมัดอันแข็งแกร่งที่เขาฝึกฝนอย่างหนัก จางล่งได้รับตำแหน่งหัวหน้าของเหล่านักฆ่าในตระกูลจางทันทีที่พ่อเลี้ยงตาย
และบัดนี้ การฆ่าผู้เชื่อมต่อและแย่งชิง SSS มาได้ จะเป็นบันไดให้เขาก้าวสู่ตำแหน่งอันยิ่งใหญ่กว่าที่เคยได้รับ จางล่งหัวเราะร่าอย่างพึงใจ
แต่เสียงหัวเราะพลันสะดุด เมื่อเงาร่างพลันปรากฏเบื้องหน้าหลังฝุ่นควันจางลงหมด
คาซีในสภาพสะบักสะบอมราวกับกระดาษที่พร้อมจะขาดวิ่นยืนประจันหน้าเขาอย่างไม่คิดถอยหนี โชคดีที่เขาใช้แรงโน้มถ่วงเคลื่อนย้ายตัวเองหนีก่อนจะโดนหมัดของจางล่งอย่างเฉียดฉิว สายตาปรายมองร่างหญิงสาวที่ถูกระเบิดอัดจนหน้าอกทะลุถูกวางนอนสงบนิ่งในหลุมลึกที่เกิดจากแรงระเบิด ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องจางล่ง ดวงตาชายหนุ่มดุดัน โกรธเกรี้ยว และอาฆาตราวกับเทพปีศาจ
จางล่งหัวเราะร่าเสียงกังวาน เป็นเสียงหัวเราะที่มาจากความปิติ อีกไม่นานเขาก็จะสมหวังในทุกสิ่งที่ต้องการ หมัดสองข้างกำแน่นก่อนถ่ายพลังจนกำปั้นแดงก่ำราวกับลาวาจากภูเขาไฟ สองขาย่อลงต่ำ ปลายเท้าเหยียบบิดขยี้พื้นปูนจนแตกระแหง
‘ตุบ!!’
อุ้งเท้ารวมพลังก่อนดีดร่างใหญ่พุ่งตรงเป็นลูกธนู หมัดอัดแน่นด้วยพลังที่พร้อมจะระเบิดทันทีที่สัมผัสสิ่งใดก็ตาม แรงระเบิดมหาศาลเมื่อครู่อาจเทียบไม่ได้เลยกับการโจมตีที่อัดแน่นด้วยพลังเต็มเปี่ยมครั้งนี้
คาซียืนโงนเงน สติสัมปชัญญะริบหรี่ทำได้เพียงสั่งการให้ประคองร่างยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูผู้อำมหิตเบื้องหน้า แต่พลังกายและพลังใจของเขาตอนนี้กลับสวนทางกัน มันแห้งเหือดราวน้ำในทะเลทราย สายตาพร่าเลือนมองภาพมัจจุราชที่พุ่งเข้ามาเกี่ยวคร่าชีวิตไม่ชัดเจน เปลือกตาเขากำลังจะปิด
รอบกายมีแต่ความมืด....
มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง....
เราอยู่ที่ไหน....
หรือว่า.... เราตายไปแล้ว!!!!
‘กร้วมม!!’
เปลือกตาเปิดกว้าง แสงสว่างที่แยงเข้ามาทำให้คาซีต้องกระพริบตาอีกครั้ง เมื่อมองไปรอบ ๆ เห็นเพียงลานโล่งสีขาวโพลนไม่มีขอบมุมหรือจุดสิ้นสุด
แต่กระนั้น ความอบอุ่นกลับแผ่ซ่านเข้ามาจนร่างกายผ่อนคลาย เงาสีดำกำลังเคลื่อนกายที่ไกล ๆ ช่างคุ้นตา เขาเพ่งตามองเห็นเงาร่างเดินเข้ามาใกล้ มือโยนลูกแอปเปิ้ลที่ถูกกัดไปแล้วคำหนึ่งเป็นจังหวะ
ผมหยิกสีขาวยาวถึงกลางหลัง เสื้อคลุมยาวสีเลือดหมูมันเงาราวกำมะหยี่ตัดกับเสื้อกั๊กแบบโบราณด้านในสีเขียวหม่น ใบหน้ายิ้มเย้าราวกับพ่อมองลูก คาซีเกลียดสีหน้าเป็นมิตรแบบนี้ที่สุด
“สภาพดูไม่ได้เลยนะ”
เสียงชายชราไม่แฝงความดูแคลน มือโยนแอปเปิ้ลให้คาซีซึ่งเขาก็รับได้อย่างแม่นยำ
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” คาซีตอบอย่างฉุนเฉียว
ชายชราหัวเราะเบา ๆ ก่อนนั่งลงยังเก้าอี้สีขาวที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ เขาชี้มือขึ้นฟ้าพลางถามคาซีด้วยน้ำเสียงซุกซน
“เธอรู้มั้ย ข้างบนนั้นมีอะไร”
คาซีเหลือบตามองตามปลายนิ้ว รอบกายของเขามีแต่สีขาว ทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง ล่าง หรือบน ไม่มีสิ่งใดนอกจากสีขาวสนิท
คาซีทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะคำถามของชายชรามีเพียงคำตอบเดียวซึ่งก็เห็นเต็มตาอยู่แล้ว
และดูเหมือนอีกฝ่ายก็รับรู้อารมณ์ของชายหนุ่ม ร่างเขาค่อย ๆ เลือนรางจนบรรยากาศสีขาวด้านหลังทะลุผ่านมาเข้าสายตาของคาซี ประโยคสุดท้ายกล่าวเพื่อบอกความลับสำคัญของพลังพิเศษ ‘ระดับสอง’ ที่ตนมอบให้ชายหนุ่ม
“สิ่งที่มีอยู่.. ไม่ใช่เพียงสิ่งที่ตามองเห็นหรอกนะ”
และร่างของไอแซก นิวตัน ก็เลือนหายไปราวกับหมอกควัน...
คาซีทบทวนคำพูด หน้าแหงนมองบรรยากาศขาวโพลนพลางยิ้มอย่างเลือดเย็น
‘กร้วมม!!’
ชายหนุ่มกัดแอปเปิ้ลที่เหลือจนหมด
‘เพล้ง!!!’
บรรยากาศขาวโพลนแตกกระจายราวกับห้องกระจกถูกทุบทำลาย ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าคือร่างของจางล่งที่พุ่งใกล้ถึงตัว แสงสีแดงจากกำปั้นส่องจ้าเข้าตา ภาพความเสียหายจากการทำลายล้างครั้งก่อนยังฝังในสมองคาซีเป็นอย่างดี แต่กลับแปลกที่วินาทีนี้เขาไม่รู้สึกครั่นคร้ามในจิตใจแม้แต่น้อย
คาซีชูมือขึ้นฟ้า เพราะความโกรธรุนแรงถึงขีดสุดทำให้พลังพิเศษอีกระดับตื่นขึ้น
“ปลดขีดจำกัดสปิริต... Meteo Strike!!!”
จุดดำเล็กปรากฏเหนือท้องฟ้าใต้หมู่เมฆ มันพุ่งลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วปานจรวด
จางล่งชะงักร่างมองขึ้นด้านบนตามมือของคาซี เพียงเห็นวัตถุก้อนมหึมาที่พุ่งลงใส่ยังตำแหน่งที่เขายืนอยู่ ดวงตาก็เบิกโพลงราวกับไม่เชื่อสายตาตนเอง
“เป็นไป.. ไม่ได้”
หินก้อนมหึมาที่โคจรอยู่นอกชั้นบรรยากาศ ถูกแรงดึงดูดมหาศาลพาเข้าสู่วงโคจรโลก มันแหวกท้องฟ้าราวกับฉลามแหวกว่ายมหาสมุทรด้วยความเร็วสูง แรงเสียดสีกับชั้นบรรยากาศทำให้เกิดสะเก็ดไฟลุกท่วมกร่อนผิวเปลือกนอกหลุดลุ่ย แต่กระนั้นขนาดของมันก็ใหญ่โตเกือบเท่ารถบรรทุก
จางล่งที่เคยลิ้มรสแต่ความเปรมปรีด์เมื่อได้เห็นแววตาหวาดกลัวของเหยื่อ บัดนี้ความหวาดกลัวเหล่านั้นไม่อาจเทียบเท่ากับที่มันกำลังรู้สึก พลังมหาศาลที่ไม่เคยเห็นแม้จากผู้นำระดับสูงของเงารัตติกาล กลับปรากฏอยู่เบื้องหน้าในร่างของชายหนุ่มผู้นี้
แต่ผู้นำแห่งนักฆ่าตระกูลจางไม่ยอมถอดใจ สองหมัดเร่งกำลังจากร่างถึงขีดสุดชนิดที่ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม จางล่งกัดฟันกรอดเตรียมส่งหมัดอัดกระแทกดาวตกที่กำลังพุ่งลงมาบดขยี้เขา
“เข้ามาสิวะ!! ข้าจะระเบิดมันให้เป็นจุณเลย”
สายตาเย็นชาของคาซีมองชายเบื้องหน้าอย่างเย้ยหยัน น้ำเสียงเย็นเรียบดุจน้ำแข็งกรีดแทงหัวใจของจางล่งเมื่อเอ่ยประโยคสุดท้ายในชีวิตที่มันจะได้ยินออกมา
“แล้วแก.. จะ ระเบิด อัน ไหน ล่ะ!!”
คาซีดีดนิ้วเป็นสัญญาณ แรงโน้มถ่วงพุ่งกระแทกจากด้านล่างเข้าใส่ดาวตกยักษ์แตกกระจายเป็นห่าฝนดาวตกหลายร้อยดวง เปลวไฟลั่นดังเปรี๊ยะเป็นทิวแถวทำให้แนวอากาศบิดเบี้ยวเกิดภาพวิจิตรอันน่าสะพรึงราวกับงานศิลป์ที่เสกสรรจากพระเจ้า
หมัดที่ตั้งตรงเพื่อหวังทำลายการโจมตีของศัตรูพลันลู่ตกลงแนบข้างตัว ตาและปากอ้าค้างไม่อาจควบคุมให้หุบลงได้ จางล่งยืนตัวแข็งทื่อคล้ายกับวิญญาณถูกฉุดกระชากออกจากร่าง
“ตูมมมมมมมมมม!!!!!”
รวดเร็ว
รุนแรง
ต่อเนื่องยาวนาน
สะเก็ดดาวพุ่งทะลวงร่างจางล่งแหลกเละไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวกระดูก บ้านเรือนที่เสียหายจากแรงระเบิดยิ่งยับเยินจนไม่เหลือสภาพพอให้ฟื้นฟู นักฆ่าอันดับหนึ่งของจีนถูกลบนามตั้งแต่บัดนี้
คาซีอุ้มร่างไร้วิญญาณของลูเซียจากไปอย่างเงียบงัน
หญิงสาวชาวจีนที่ปรากฏบนกำแพงสร้างความแปลกใจให้ผมและเน็กเธอร์เป็นอย่างมาก
“ซุยฟง!! เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
เน็กเธอร์ถอยกรูดอย่างไม่แน่ใจจุดประสงค์ แต่เมื่อเห็นแววตาที่มองกลับมาอย่างซาบซึ้ง เขาก็พอเดาเจตนาของเธอได้
“คุณช่วยฉันเอาไว้ ฉันก็แค่.. อยากตอบแทน”
ใบหน้าแดงก่ำนั่นมัน... อะไรกันเนี่ย ผมว่าแบบนี้คงไม่ใช่แค่อยากตอบแทนซะแล้วล่ะ
‘ฉับ!! ฉับ!!’
รถยนต์ขาดเป็นสองท่อนทันทีที่สัมผัสฝ่ามือมีด ชายในชุดดำสนิทลุกจากเศษซากเหล็กกองใหญ่ สายตาเรียวเล็กมองหญิงสาวที่โจมตีเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลจางนะ ซุยฟง”
หญิงสาวรีบกระโดดลงจากกำแพงพลางคุกเข่าลงกับพื้น มองชายผมดำด้วยสายตาสำนึกผิด
“ขออภัยค่ะคุณชายจางฉิน ซุยฟงที่คุณชายรู้จักได้ตายไปแล้ว คนพวกนั้นเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ ซุยฟงต้องตอบแทนด้วยชีวิตค่ะ”
จางฉินถอนใจยาว เขาเองไม่ชอบการฆ่าฟันใครเท่าไหร่นัก ยิ่งเมื่อศัตรูคือคนที่เคยอยู่ร่วมชายคาบ้านเดียวกันมาก่อน เขายิ่งทำใจลำบาก
ซุยฟงเองก็ไม่ต่างกัน แม้จะไม่ชอบพฤติกรรมของจางล่งและจางลี่ที่มักดูถูกเหยียดหยามเธอ แต่เจ้านายคนรองกลับแตกต่าง เธอได้รับการปฏิบัติจากเขาไม่เหมือนนายกับบ่าว ตลอดเวลาตั้งแต่เล็กจนโต ซุยฟงเติบโตมาในฐานะ ‘คนรับใช้’ ของตระกูลจาง ก่อนจะได้รับการสั่งสอนวิชายุทธเพื่อป้องกันตัว ซึ่งการฝึกวิชายุทธของจีนนั้นยากเย็นแสนเข็ญเหลือใจ หากไม่ได้รอยยิ้มและคำพูดให้กำลังใจจากจางฉิน เธอคงไม่อาจทนมาได้จนถึงทุกวันนี้
“เธอรู้กฎของตระกูลดีอยู่แล้วใช่มั้ย”
ซุยฟงพยักหน้าช้า ๆ เธอล้วงมือลงในเสื้อหยิบวัตถุบางอย่างออกมา
มีดสั้นในกำมือง้างเสียบตรงลงยังหน้าอกข้างซ้าย
‘ฉึก!!’
ซุยฟงมองหน้าอกตัวเอง ภาพที่เห็นยิ่งทำให้เธอลำบากใจ เมื่อเนินเนื้อที่ควรจะโดนมีดปัก กลับเป็นมือใหญ่หนาของเน็กเธอร์ที่พุ่งมาขวางคั่นกลางระหว่างใบมีดกับหัวใจ
“คุณช่วยฉันไว้อีกทำไม ฉันคือคนทรยศของตระกูล ต้องชดใช้ด้วยความตาย”
เน็กเธอร์ยิ้มมุมปาก แม้เลือดจะไหลอาบท่วมมือแต่เขาไม่แสดงออกทางสีหน้าให้หญิงสาวเห็น
“อย่าเอาชีวิตที่ฉันมอบให้มาทิ้งง่าย ๆ อย่างนี้สิ”
เมื่อไม่มีทางเลี่ยง จางฉินต้องทำใจสวมหน้ากากยักษ์ สันมือหนาฉาบด้วยพลังใบมีดจนคมกริบ มือมีดฟันลงมาที่ศีรษะของเน็กเธอร์และซุยฟง
“เนเปียร์โบนส์!!”
ชายชุดดำคงไม่คาดคิด ว่าฝีเท้าเหยาะแหยะที่เห็นจะสามารถเพิ่มความเร็วจนเหนือกว่านักฆ่าอย่างเขาได้ ผมทะยานร่างพุ่งคว้าตัวเน็กเธอร์และซุยฟงให้หลบรอดจากคมมีด ก่อนจะพุ่งตัวกลับเข้าหานักฆ่าที่ยังตั้งตัวไม่ติด
“ย้ากๆ ๆ ๆ ๆ”
หมัด ศอก เท้า ระดมโจมตีอย่างไม่มีชั้นเชิง แต่เพราะความเร็วปานลมกรดทำให้การโจมตีหนักหน่วงจนจางฉินไม่อาจตอบโต้ได้
เมื่อตอบโต้ไม่ได้ นักฆ่ามือดีอย่างจางฉินจึงตัดสินใจแลก เขาฟาดสันมือสวนหมัดที่ไร้การป้องกันของผม หากปะทะกันด้วยความเร็วขนาดนี้แขนผมต้องถูกผ่าแยกเป็นสองซีกแน่
“X-Ray!!!”
เพราะความตกตะลึงกับพลังและความเร็วที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของผม ทำให้จางฉินลืมเน็กเธอร์ไปเสียสนิท พลังทะลุผ่านถูกใช้มุดลงใต้ดินก่อนจะยื่นมือขึ้นมาคว้าข้อเท้าจางฉินลากลงจมลงไปในดินจนมิดเข่า ร่างที่กำลังโจมตีสวนพลันเสียหลัก ใบหน้าถูกหมัดที่เพิ่มความเร็วกระแทกจนหงายหลัง
แต่เพียงหมัดเดียวไม่อาจล้มจางฉินได้ นักฆ่าหนุ่มตั้งใจใช้แรงสะท้อนจากการกระแทกเพื่อดึงร่างตัวเองให้กระเด้งเข้าโจมตีโดยที่ผมไม่ทันระวัง
ซึ่งความคิดนี้ไม่ใช่เพียงจางฉินคนเดียวที่คิดออก...
เน็กเธอร์ที่ถนัดการต่อสู้แบบใช้สมองมองออกว่าจางฉินต้องเล่นลูกไม้นี้ เขาจึง ‘ขอยืมพลัง’ จากหญิงสาวข้างกาย
‘แหมะ!!!’
แรงสะท้อนที่ควรส่งร่างกระเด้งกลับไม่เกิดขึ้น แถมร่างยังไม่อาจกระดุกกระดิกตัวได้ จางฉินเหลือบตามองดูที่พื้นก็พบว่าทั้งร่างของตนเองนั้นติดอยู่กับหมากฝรั่งแผ่นยักษ์ที่วางแปะบนพื้นเพื่อดักรอเขาเอาไว้แล้ว สภาพนักฆ่าหนุ่มตอนนี้จึงไม่ต่างจากแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุม
เน็กเธอร์โผล่ร่างจากพื้นขึ้นมามองจางฉินด้วยสายตายียวน หากเขาใช้พลังทะลุผ่านส่งร่างนักฆ่าหนุ่มลงพื้น จางฉินก็จะขาดหายใจตายไปโดยที่พวกเราไม่ต้องเหนื่อยออกแรง
แต่เขากลับหันหลังให้จางฉิน!!!
“ฆ่าฉันสิ พวกแกชนะแล้ว”
ผมเองก็แปลกใจ ปกติแล้วเน็กเธอร์ไม่เคยลังเลที่จะฆ่าศัตรู (ที่เป็นผู้ชาย) แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนเช่นเคย
“ถ้าฆ่านาย แม่นั่นคงไม่ให้อภัยฉันตลอดชีวิตแน่”
เน็กเธอร์เสหน้าไปที่ซุยฟงซึ่งนั่งร้องไห้อยู่ เธอลังเลใจอย่างมากที่จะตัดสินใจช่วยเน็กเธอร์ทำตามแผน เพราะหญิงสาวไม่แน่ใจว่าเน็กเธอร์จะทำร้าย ‘อดีต’ เจ้านายของเธอหรือเปล่า
แต่เพราะชายหนุ่มให้คำมั่น เธอจึงยินยอม ซึ่งเน็กเธอร์ก็ทำตามสัญญาทำให้ซุยฟงตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“ช่วยปล่อยหมอนี่ไว้อย่างนี้จนกว่าพวกเราจะออกจากจีนก็แล้วกันนะ ซุยฟง”
เน็กเธอร์ช้อนมือหญิงสาวขึ้นมาจุมพิตเบา ๆ ซุยฟงหน้าแดงซ่านแต่ก็รู้สึกไม่ดีที่จางฉินมองด้วยสายตาเรียบเฉย
เน็กเธอร์เดินจากไปด้วยท่วงท่าราวกับเจ้าชายในนิยาย
แต่ไม่ต้องเดาผมก็รู้เลย ว่าสมองของเขาตอนนี้คิดกับซุยฟงไปไกลถึงขั้นไหนแล้ว...
พ้นจากชายป่า ถนนสองเลนคดเคี้ยวทอดตัวยาวเลียบเชิงเขาสูงชัน ซูอัลมองหารถเพื่อโบกเข้าเมือง แต่ตลอดทางที่วิ่งมาไม่มีแม้เงารถสักคันเดียว
และเมื่อวิ่งไปอีกสักพัก ป้ายสีเหลืองที่ตั้งขวางหน้าจึงทำให้เขารู้สาเหตุ
“ปิดถนนชั่วคราว เนื่องจากหินถล่ม”
เขามองไล่สายตาตามเส้นถนนที่โค้งไปมาราวกับงูเลื้อย หากต้องวิ่งไป กว่าจะเข้าตัวเมืองคงใช้เวลาเป็นวัน เส้นทางที่ซูอัลเลือกกลับเป็นเส้นทางที่ตรงกันข้ามและยากลำบากในการเดินทางที่สุด
ทางข้างหน้าถูกปิดไปต่อไม่ได้ แต่เมื่อหันหลังกลับภาพที่เห็นยิ่งกว่าเส้นทางปิดตาย เพราะจางลี่และดัลลิเวอร์ยืนจังก้ารออยู่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
ซูอัลคิดหาทางรอดจนสมองแทบระเบิด พลังพิเศษที่ใช้ได้อีกแค่ครั้งเดียวกับสองชีวิตที่ต้องหลบรอดจากนักฆ่าทั้งสอง หนทางรอดดูแล้วช่างริบหรี่
“ดูซิ ว่าพวกแกจะหนีไปที่ไหนได้อีก” จางลี่คลี่ยิ้มเผยฟันขาว แววตาวิปริตมองเซราห์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ขณะที่ดัลลิเวอร์ฟาดแส้ใส่เป็นสัญญาณให้สัตว์ฝูงใหม่ที่เขาควบคุมพุ่งเข้าโจมตีซูอัลและเซราห์
ฝูงกาสีดำทมึฬส่งเสียงร้องราวทูตแห่งความตาย ขนปีกดำขลับโบกสะบัดพาร่างพุ่งเข้าหาชายหญิงที่ยืนอยู่หน้าทางปิดตาย จงอยปากและเล็บแหลมคมพร้อมฉีกกระชากเนื้อบางของทั้งคู่อย่างไม่ปรานี สมองของพวกมันตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ถูกบันทึกไว้ คือ ‘ฆ่าซูอัลและเซราห์’
“X’Mas Gift!!!”
เมื่อไร้ทางเลือก ซูอัลจึงจำเป็นต้องใช้พลังพิเศษครั้งสุดท้าย
ดาบสีเงินเล่มยาวปรากฏออกมาจากกล่องของขวัญ เขาคว้าด้ามดาบก่อนฟาดฟันฝูงกาจนพวกมันร่วงหล่นลงกองกับพื้นทีละตัว
แต่เพราะฝูงกามีจำนวนมากเกินไป ทำให้ซูอัลไม่อาจจัดการได้หมด อีกาที่เหลือรอดพุ่งเข้าใส่เซราห์พร้อมง้างกรงเล็บแหลมหมายฉีกกระชาก
‘แควก!!’
เล็บแหลมถากเนื้อแขนขาวเป็นทางยาวสามรอย เลือดซึมแขนเสื้อชุดกาวน์สีขาวที่ขาดวิ่นเป็นวงแดง เซราห์ปัดป่ายสัตว์ร้ายด้วยความหวาดกลัว
‘ฟ้าววว!!’
อีกาสามตัวที่รุมทำร้ายเซราห์ถูกเฉือนคอเป็นทางขาดใจตายทั้งที่ยังอยู่ในอากาศ หญิงสาวที่ยังขวัญหนีดีฝ่อมองร่างเล็กสีเขียวที่พุ่งลงมาช่วยเธออย่างแปลกใจแกมตกใจ
“โนอา..”
นกแก้วตัวใหญ่สะบัดปีกพลางกางเล็บแหลมขู่อีกาตัวที่เหลือราวกับองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง มันบินฉวัดเฉวียนคล้ายเครื่องบินรบ ก่อนจะใช้เล็บแหลมคมเฉือนคออีกาอีกสองตัวตายคาที่อย่างรวดเร็ว
และอีกาตัวสุดท้ายก็ถูกดาบฟันปีกขาดร่วงลงไปดิ้นพราก ๆ ขาดใจตายตามฝูงของมันไปไม่ช้า
ซูอัลแม้ตกใจ แต่ก็สัมผัสได้ถึงเจตนาของนกแก้วตัวนี้ เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่นกธรรมดาตั้งแต่เจอครั้งแรกที่โรงพยาบาล แต่ไม่คิดว่ามันจะมีความคิดเป็นของตัวเองถึงขนาดสามารถช่วยปกป้องเซราห์ได้ สถานการณ์จากที่เคยตกเป็นรองบัดนี้กลับมีความหวังเมื่อมีเพื่อนร่วมศึก
ดัลลิเวอร์อ้าปากค้างเมื่อเห็นนกแก้วคู่ใจกลับไปช่วยเหลือศัตรู เขาโกรธจนเส้นเลือดปูนโปนที่ขมับ แส้ยาวสีดำเหวี่ยงฟาดเข้าใส่ซูอัลและโนอาอย่างอำมหิต
ทั้งคู่พุ่งตัวไปคนละทาง หนึ่งคนหนึ่งนกการเคลื่อนไหวกลับคล้ายคลึง ซูอัลยกดาบยาวเตรียมฟาดฟัน
“ฝ่ามือพายุหมุน!!!”
ลมพายุพุ่งซัดจากอีกทางจนซูอัลต้องก้มตัวหลบวูบ กระแสลมพัดรุนแรงจนเขาแทบถูกดูด โชคดีที่มือซ้ายเกาะเกี่ยวหินก้อนใหญ่ริมผาได้ทัน
โนอาพุ่งเข้าใส่จางลี่ แต่ก่อนถึงตัวมันกลับบินทะยานขึ้นฟ้าอยู่เหนือศีรษะหญิงสาว
แม้ไม่เข้าใจในพฤติกรรม แต่สัญชาตญาณนักฆ่าเตือนจางลี่ให้รู้ตัวว่านกแก้วตัวนี้มีอันตราย ฝ่ามือพายุเตรียมใช้อีกรอบเพื่อสังหารสัตว์ปีก แต่ร่างที่พุ่งเข้ามาพร้อมดาบในมือทำให้เธอต้องเปลี่ยนเป้าหมาย
‘Compass!!’
ฝ่ามือที่ปลดปล่อยลมหมุนพลันเปลี่ยนทิศอีกครั้ง จางลี่ถูกพลังพิเศษของโนอาทำให้ ‘หันไปทางทิศเหนือ’ ลมพายุจึงพุ่งเข้าใส่ดัลลิเวอร์ที่ยืนอ้าปากค้างอยู่
ร่างแคระแกรนถูกลมหมุนอัดกระแทกเข้ากับหน้าผา อวัยวะภาพในถูกปั่นหมุนราวกับเครื่องซักผ้า เลือดกระอักจากปากของดัลลิเวอร์ นักฆ่าร่างเตี้ยสิ้นใจตายเพราะฝีมือพวกเดียวกันเพียงชั่วอึดใจ
“แก!! บังอาจนักนะ”
บัดนี้จางลี่รู้แล้ว ว่าเหตุการณ์ประหลาดสามครั้งที่ผ่านมาเป็นฝีมือของนกแก้วที่บินอยู่เหนือศีรษะเธอ ฝ่ามือยกขึ้นชูพร้อมปลดปล่อยพลังลม กระแสลมหมุนตัวอย่างบ้าคลั่งทะยานขึ้นท้องฟ้าราวมังกรโผสู่สวงสวรรค์
แต่นั่นไม่ไวพอที่จะทำร้ายโนอา นกแก้วบินวนรอบลมหมุนก่อนโฉบหาร่างของคู่หูด้วยแววตาเศร้าสร้อย มันเตรียมใจเพื่อทำสิ่งสุดท้ายที่จิตใจปฏิเสธไม่ให้ทำตลอดมา
[ขอโทษนะ.. ดัลลิเวอร์
เราไม่ได้อยากทำร้ายนายหรอก... แต่ถ้าไม่ทำ นายก็คงไม่ปล่อยให้นางฟ้ามีชีวิตรอดใช่มั้ย
ขอให้วิญญาณนายไปสู่สวรรค์นะ
ส่วนเราน่ะเหรอ..
ก็... กำลังจะตามนายไปไงล่ะ]
โนอาใช้กรงเล็บเฉือนกระเป๋าเสื้อโค้ดของดัลลิเวอร์จนขาดเป็นทาง วัตถุขนาดเล็กด้านในร่วงหล่นจากกระเป๋ากลิ้งหลุน ๆ ไปกับพื้น แม้ดูภายนอกหินกลมก้อนนี้จะคล้ายกับหินทั่ว ๆ ไปบนถนน แต่นอกจากโนอาแล้วมีเพียงคนเดียวที่รู้ว่าวัตถุนี้คืออะไร
“ไอ้นกเวร!!”
จางลี่พุ่งตัวพลางยืดมือคว้าหินก้อนนั้น ขณะที่โนอาก็โฉบตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
และเป็นโนอาที่เร็วกว่า...
เล็บเท้าทั้งสองข้างกำจับหินกลมมั่น โนอากระพือปีกเต็มแรงพาร่างตัวเองทะยานขึ้นท้องฟ้า จางลี่แม้พลาดจากสิ่งของ แต่ไม่ยอมปล่อยให้นกแก้วมีชีวิตอยู่ ร่างที่นอนไถลตัวกับพื้นพลันยืดมือขึ้นสู่ฟ้า สายตามองลอดผ่านช่องนิ้วเห็นเงาสัตว์ปีกเป็นจุดดำกลางดวงอาทิตย์
“ฝ่ามือพายุหมุน!!!”
แรงลมพุ่งตรงไม่พลาดเป้า พายุหมุนฉีกกระชากสัตว์ปีกจนขนหลุดร่วงปลิดปลิวลอยละล่องคล้ายละอองเกสรดอกไม้สีเขียว ก้อนหินกลมที่โนอาเสี่ยงชีวิตแย่งชิงบัดนี้มันกลิ้งตกมาอยู่แทบเท้าของเซราห์
หญิงสาวมองภาพนกแก้วตัวใหญ่ร่างแหลกสลายด้วยหัวใจปวดร้าว เธอเฝ้ารักษาและดูแลมันอย่างทนุถนอมตลอดหลายวันที่ผ่านมา ถึงขนาดปล่อยมันไปแล้วแต่โชคชะตาก็พาให้มันบินกลับมาหาและยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของเธออีก น้ำตาจากความสงสารและเสียใจไหลรวมกันอาบจนแก้มเปียกเป็นทาง
สิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยินภายในจิตใจของโนอา คือคำว่า “หยิบมัน” เซราห์ก้มลงเก็บหินกลมสีเทาตามความประสงค์ของมัน
และเพียงสัมผัส ทุกสิ่งรอบตัวเหมือนถูกหยุดไว้ในห้วงเวลาที่มีแต่เธอเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เซราห์มองซ้ายขวาเห็นซูอัลที่แข็งค้างในท่าวิ่ง นักฆ่าหญิงชาวจีนจ้องมองมาด้วยสายตาอำมหิต เธอสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนได้ยินเสียงผิวปากจากด้านหลัง
ชายชราศีรษะล้านหนวดเฟิ้มในชุดสูทยาวเดินไปมาพลางมองรอบตัวอย่างตื่นเต้นราวกับได้พบเห็นสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งต้นไม้ใบหญ้า แมลง ฝูงนกกาที่ลอยค้างกลางอากาศราวกับถูกสตัฟฟ์ไว้
และกระทั่งสายตามาประสานกัน เขาก็ค้อมศีรษะให้อย่างสำนึก
“ขอโทษที่เสียมารยาท พอดีฉันตื่นเต้นไปหน่อย ดูทางโน้นสิ ต้นไม้ประหลาดพวกนั้นฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
เซราห์ถอยกรูด มือกำแน่นจนชื้นเหงื่อเพราะโรคกลัวผู้ชายกำเริบ เธอหลุบตาลงต่ำพลางตั้งสติรับสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้นไม่จบสิ้น
“เธอชื่อเซราห์สินะ” หญิงสาวเลิกคิ้วเมื่อได้ยินชายชราเรียกชื่อ “เอาเป็นว่า ฉันไม่เสียเวลาล่ะนะ อยากลองดูการ ‘วิวัฒนาการ’ ของเธอเต็มแก่แล้ว”
ชายชราค้อมศีรษะให้เธออีกครั้งอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มสุดท้ายก่อนร่างจะจางหายเรียกความทรงจำบางส่วนของเซราห์กลับคืนมาในสมอง
อยากจะลืมก็ลืมไม่ลงหรอก ในเมื่อหน้าของ ‘ชาลส์ ดาร์วิน’[3] โชว์หราอยู่หลังปกหนังสือเรียนวิชา ‘วิวัฒนาการยุคใหม่’ ที่เธอท่องแล้วท่องอีกเป็นสิบรอบจนสอบได้ที่หนึ่งของชั้นปี
ภาพจางหายไปพร้อมการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติ ทั้งเสียงนกร้อง สายลมที่พัดมาโดนผิวกาย กลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้ป่า แม้กระทั่ง... ใบหน้าของนักฆ่าสาว!!
“ตายซะเถอะ นังสารเลว!!”
จางลี่กางฝ่ามือปล่อยลมหมุนออกมา พลังลมพุ่งรุนแรงจนซูอัลที่วิ่งมาไม่อาจเข้าปกป้องเซราห์ได้ เขาทำได้เพียงมองหญิงสาวที่กำลังถูกพลังลมอัดกระแทกร่างกาย
มือเรียวคว้าจับขนนกเส้นยาวสีเขียว ความอบอุ่นไหลแผ่ซ่านเข้าฝ่ามือทะลุชั้นผิวหนังก่อนจะไปผสานกับเซลล์ในเลือด เซราห์รู้สึกแปลกประหลาดกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกาย
ลมหมุนพุ่งทะลวงรุนแรง อีกไม่กี่วินาทีเซราห์ก็จะถูกสังหาร...
‘ฟ้าวว!!’
ร่างหญิงสาวลอยขึ้นฟ้า ไม่ใช่แค่การกระโดด แต่มันคือการลอยค้างอยู่กลางอากาศ แสงสีเขียวเรืองรองส่องสว่างที่กลางหลัง ก่อกำเนิดเป็นปีกแสงขนาดใหญ่กระพือพาร่างเธอลอยล่องราวกับเทพยดาจุติจากสวรรค์
เสียงกระซิบของโนอาห์ดังข้างหูก่อนที่เซราห์จะลบความกลัวจากสมอง
‘เราจะปกป้องนางฟ้าเอง’
พลังพิเศษที่เธอได้รับ คือการดูดกลืนเซลล์ของสิ่งมีชีวิตหรือเศษชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต เพื่อรับเอาความสามารถของสิ่งมีชีวิตนั้นมาเป็นของตน ขนนกของโนอาทำให้เซราห์สามารถ ‘บิน’ ได้เช่นเดียวกับนกแก้วสีเขียวที่เสี่ยงชีวิตช่วยเธอเอาไว้
เซราห์ทะยานร่างบินโฉบลงมาคว้าข้อมือซูอัลที่ยังตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นไม่หาย เขาเบิกตาค้างมองเซราห์ขณะที่หญิงสาวพยายามหาทางหนีให้กับทั้งคู่ ปีกแสงคู่ใหญ่สะบัดแรงพาร่างทั้งสองทะยานขึ้นฟ้าลอยขึ้นไปเหนือผากว้าง
“กรอดดด!! แกหนีไปไหนไม่รอดหรอก”
ดวงตาจางลี่ยิ่งมีแววพยาบาทมากขึ้น ฝ่ามือสองข้างประกบกันก่อกำเนิดลมหมุนยักษ์ปานพายุ มวลอากาศโดยรอบถูกดูดอย่างรุนแรงจนต้นไม้ใบหญ้าปลิดปลิว พายุหมุนพุ่งโหมกระหน่ำซัดใส่ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศราวคลื่นยักษ์สึนามิ เพราะต้องพาชายหนุ่มไปด้วยเซราห์จึงไม่อาจบินได้เร็วดั่งใจคิด
“ปล่อยมือผม”
ซูอัลพูดประโยคที่ทำให้เซราห์ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“วะ.. ว่าไงนะคะ”
แต่เมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของซูอัล เซราห์จึงตัดสินใจทำตามที่เขาขอ
มือทั้งสองปล่อยจากกัน ทิ้งร่างซูอัลให้ตกวูบลงสวนทางกับพายุขนาดใหญ่ที่หมุนเป็นเกลียวขึ้นฟ้า
เซราห์บินได้รวดเร็วขึ้น เธอบินฉีกไปอีกทางหนึ่งและเฝ้าดูสิ่งที่ซูอัลกำลังทำด้วยใจระทึก
จางลี่แสยะยิ้มเพราะคิดว่าเซราห์หนีเอาตัวรอดโดยปล่อยให้ซูอัลตกลงมาถูกพายุหมุนฉีกกระชากร่าง
แต่เพราะเธอไม่เคยใช้พายุหมุนที่รุนแรงและมีขนาดใหญ่แบบนี้ จางลี่จึงไม่รู้ว่า ‘ใจกลางพายุ จะมีตาพายุอยู่’ ซึ่งซูอัลก็พุ่งตกลงมายังตำแหน่งตาพายุพอดี
กระแสลมพัดเสื้อผ้าปลิวว่อน แต่ไม่อาจทำอันตรายร่างกายชายหนุ่มได้ ดาบสีเงินกระชับแน่นในมือก่อนจะฟาดฟันเพียงครั้งเดียวด้วยตำแหน่งที่เขาเล็งไว้
ฝ่ามือสองข้างถูกฟันเฉือนเป็นทาง พายุหมุนค่อย ๆ สงบลง ตรงข้ามกับเสียงโหยหวนของจางลี่ที่ไม่อาจใช้พลังพิเศษได้อีกต่อไปแล้ว
[1] อัลเฟรด แบร์นฮาร์ด โนเบล (Alfred Bernhard Nobel) นักเคมีชาวสวีเดน ผู้ผลิตอาวุธและคิดค้นไดนาไมท์
[2] คิง แคมป์ ยิลเลตต์ (King Camp Gillette) นักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ประดิษฐ์มีดโกนหนวดแบบนิรภัย
[3] ชาร์ล โรเบิร์ต ดาร์วิน (Charles Robert Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ผู้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่