นรกเพลิงรุ่มร้อน ไฟกาฬ
คนชั่วแลคนพาล อยู่ล้น
เปี่ยมด้วยจิตพญามาร อิจฉา อาฆาต
หมายว่าหนีไม่พ้น แก่นแท้ความเลว
ไพ่แห่งปิศาจร้าย แฝงอยู่ ในใจ
นอกเปลือกเป็นเช่นไร แอบเร้น
ภายในดุจดั่งไฟ ร้อนรุ่ม ริษยา
พร่ำบอกเผื่อมองเห็น รอดพ้นมือมาร
บทของปิศาจ (The Devil)
ท้องฟ้ามืดสนิทด้วยตะวันลับแสงไปแล้วหลายชั่วโมง หากกระนั้นบริเวณร้านทำนายที่ตั้งอยู่ตรงแยกประตูน้ำยังคงสว่างไสวด้วยแสงสียามราตรีของกรุงเทพฯ ธเรษตรีนักทำนายแห่งไพ่ทาโรต์กำลังตั้งสมาธิทำการบ้านคณิตศาสตร์ที่หอบหิ้วมาทำที่ร้านพยากรณ์ นั่นเพราะมีลูกค้าเข้าร้านของเด็กสาวน้อยเหลือเกิน จริงๆแล้วในช่วงเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีลูกค้าหลงเข้าร้านเพียงแค่สองรายเท่านั้น ซึ่งก็คือผู้จัดการของดาราสาวกับฝรั่งหนุ่มที่มารู้เอาภายหลังว่าเป็นเจ้าชายผู้เตรียมเข้าพิธีสืบทอดบัลลังก์ของประเทศในแถบยุโรป
ยังดีที่คุณตาคุณยายไม่ห้ามหรือทัดทาน แต่ถึงห้าม เธอก็จะยืนยันเสียงแข็งว่าอย่างไรก็ต้องมาทำงานนี้ให้ได้อยู่ดี ธเรษตรีเชื่อมั่นว่างานทำนายไพ่จะช่วยฟื้นความทรงจำให้กลับคืน อีกทั้งไพ่ทาโรต์เก่าคร่ำคร่าที่ใช้ทำนาย...ก็คือไพ่ที่เธอกำไว้ในมือแน่นในคืนที่เกิดอุบัติเหตุนั้น...หรือบางทีมันอาจกุมความลับอะไรบางอย่างไว้ ?
ที่สำคัญที่สุด ปริศนาอันยิ่งใหญ่ที่บังเกิดระหว่างการทำนายไพ่ให้แก่ลูกค้า เหตุใดจึงราวกับมี ‘ตัวเธออีกคน’ ที่ทำหน้าที่ทำนายไพ่ทาโรต์แทน อีกทั้งสติสัมปชัญญะของเธอก็หาได้หมดสิ้นแต่อย่างใด สติยังครบถ้วนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ไม่สามารถสั่งการขยับเขยื้อนร่างกายได้ และที่ประหลาดที่สุดก็คือ ตัวเธอสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าภายหลังรับคำทำนายได้อีกด้วย ?
และนี่เป็นปริศนาที่ไม่อาจบอกใครได้?...หรือทั้งหมดเป็นเพียงแค่อาการป่วยทางจิตประสาทเท่านั้น ?
“สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายดังขึ้น ธเรษตรีสะดุ้งตื่นจากห้วงคิดคำนึง
“ค่ะ...สวัสดีค่ะ” นักพยากรณ์น้อยรีบปิดสมุดการบ้านเลข แต่ด้วยอารามที่รีบร้อนจึงทำให้สมุดหนังสือหล่นลงกับพื้นใกล้ ๆ เท้าของผู้มาเยือน
“เดี๋ยวพี่เก็บให้จ้ะ” อาคันตุกะก้มลงไปเก็บสมุด เด็กสาวเห็นว่าผู้มาเยือนมีใบหน้าที่ค่อนข้างสวยเก๋ทีเดียว แม้ทรงผมจะซอยสั้นแต่ก็ดูโฉบเฉี่ยวไม่ตกยุค อีกทั้งความสูงเพรียวทว่าแข็งแรงนั้น ก็ดูราวกับนักกีฬาที่ได้ออกกำลังอยู่อย่างสม่ำเสมอ
“โอ้โห!...น้องชื่อเพราะจังค่ะ ชื่อ ‘ธเรษตรี’ หรือคะ...แปลว่าอะไรเอ่ย?” หญิงผมสั้นเอียงคอถามพร้อมยื่นสมุดคืนให้เจ้าของ
“แปลว่าโลกหรือแผ่นดินก็ได้ค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยความกระดากที่อยู่ ๆ มีคนแปลกหน้ามาถามความหมายของชื่อ
“อุ๊ย! เพราะจัง แต่ว่าเรียกยาก...น้องมีชื่อเล่นไหมล่ะจ๊ะ เวลาคุยกันจะได้สะดวก”
นักพยากรณ์นิ่งไปนิด ในใจคิดว่าถึงบอกไปก็คงไม่เสียหาย เพราะอย่างน้อยท่าทางพี่สาวตรงหน้าก็ไม่ใช่คนเลวอะไร อีกอย่างตอนนี้ก็เป็นเวลาเพียงแค่สองทุ่มเท่านั้น แยกประตูน้ำแห่งนี้ก็มีทั้งคน ทั้งรถราผ่านไปมามากมาย คงยากที่จะมีพวกต้มตุ๋นมาทำอะไรไม่ดีกับเธอ?
“ชื่อฝนค่ะ”
“โห...เพราะทั้งชื่อเล่นชื่อจริงเลยนะคะ แถมหน้าตายังน่ารักเสียด้วยสิ” ผู้มาเยือนชมไม่ขาดปาก
“ พี่ก็สวยค่ะ แต่เอ...หนูคุ้นหน้าพี่จัง เหมือนเห็นที่ไหนมาก่อน” ธเรษตรีทำหน้ายุ่ง ด้วยพยายามที่จะเค้นความทรงจำออกมาให้ได้
“อ๋อ...คงเคยเห็นในหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็โทรทัศน์น่ะค่ะ พอดีพี่เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล” เป็นคำอธิบายของอาคันตุกะสาวสวย
“ว้าย! ใช่ ๆ ใช่จริง ๆ ด้วยค่ะ” ธเรษตรีร้องด้วยความตื่นเต้น เด็กสาวจำได้ว่าเคยเห็นใบหน้านี้ผ่านทางโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดกีฬาวอลเลย์บอล
“ฮ่ะ ๆๆ แต่ก็เป็นแค่ตัวสำรอง ไม่เคยได้ลงเป็นตัวจริงกับเขาสักที” ผู้มาเยือนถ่อมตัว หากแต่ในชั่ววินาทีเดียวกันนั้น ธเรษตรีสังเกตเห็นความรู้สึกบางอย่างที่พาดผ่านในแววตาของนักกีฬาสาว
ความขุ่นมัว…หรืออาจเป็นความมืดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจ!?
“นี่แหละค่ะ ที่พี่อยากให้น้องช่วยทำนาย พี่อยากรู้ว่าสิ่งที่พี่ตั้งใจจะทำ...จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว?” หญิงสาวนักวอลเลย์ฯ อธิบายถึงสาเหตุที่เข้ามาทักทาย
“ได้ค่ะ” ฝน เด็กสาวในชุดนักทำนายสลับไพ่พร้อมวางแผ่คว่ำหน้าลงบนโต๊ะ สติของเธอเริ่มเจือจางลงราวกับร่างกายไม่ใช่ของตนเอง
“ตั้งใจให้ดีแล้วใช้มือซ้ายเลือกออกมาเพียงหนึ่งใบเท่านั้น” น้ำเสียงทุ้มต่ำทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะประหนึ่งจะมืดมนในชั่วพริบตา
มือซ้ายของนักกีฬาวอลเลย์ฯ หยิบไพ่ออกมาหนึ่งใบก่อนที่จะส่งให้ผู้พยากรณ์ที่อยู่ตรงข้าม เด็กสาวนักทำนายแห่งศาสตร์ลี้ลับรับไพ่มาไว้ในมือ และเมื่อเห็นหน้าไพ่จึงนิ่งไปอึดใจใหญ่
นักพยากรณ์ค่อย ๆ เงยหน้ามามองลูกค้าผู้เป็นนักกีฬาทีมชาติ
“คุณเลือกได้ใบนี้...” เป็นน้ำเสียงทุ้มต่ำฟังแล้วเย็นเยือกหัวใจ
“ได้ไพ่อะไรคะ” สาวนักกีฬาคว้าไพ่จากมือนักทำนายอย่างลืมมารยาท
หน้าไพ่ถูกวาดบรรจงโดยจิตรกรฝีมือเยี่ยม มันเป็นรูปปิศาจเปลือยอก บนศีรษะของมันมีสองเขาโง้งยาวคล้ายเขาแพะ ที่กลางหลังมีปีกสีดำสยายกว้างราวค้างคาวยักษ์ ส่วนตรงพื้นดินทางด้านหน้าของปิศาจร้ายปรากฏมนุษย์ชายหญิงร่างเปล่าเปลือยคู่หนึ่ง และตรงศีรษะของชายหญิงทั้งสองปรากฏเขาแหลมสั้น ๆ โผล่งอกออกมา
ทางด้านล่างของรูปสลักชื่อของไพ่ทำนายไว้
The Devil…ไพ่ปิศาจ!
“นี่...นี่มันหมายถึงอะไร พี่จะโชคร้ายงั้นหรือ?” นักกีฬาสาวร้องลั่น
ผู้มีหน้าที่พยากรณ์ส่ายหน้าช้า ๆ แววตาสีนิลดำส่องประกายประหลาดลี้ลับ
“ความหมายของไพ่ใบนี้...คือความริษยา!”
“มันคือความอิจฉาของปิศาจร้ายที่สิงสู่ในจิตใจคน เรื่องการงาน เรื่องความรัก ทุก ๆ เรื่องตามแต่อารมณ์มนุษย์จะพาไป...และที่สำคัญที่สุด จงดูเขาแหลมที่อยู่บนศีรษะของมนุษย์หญิงชายในภาพ”
นักกีฬาสาวก้มลงมองที่หน้าไพ่
“เขาแหลมนั่น! แสดงถึงความยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นสาวกของปิศาจ ยินยอมที่จะริษยาอาฆาต...แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม!”
“แล้ว...แล้วยังไงล่ะ!?” นักกีฬาสาวยืนพรวดขึ้น ปากคอสั่นระริก
“สิ่งที่ตั้งใจจะทำ...จงเลิกเสีย! มิฉะนั้นเจ้าอาจจะต้องกลายเป็นปิศาจที่ชั่วช้า”
“อีกทั้งต้องรับผลกรรมที่เลวร้าย!” พร้อมคำทำนาย ปรากฏแววตาสีดำสนิทที่กำลังจ้องหน้านักกีฬาสาวผู้เป็นลูกค้า ประหนึ่งว่าสามารถล่วงรู้ถึงความลับที่ซ่อนเร้นภายในใจได้
“บ้าแล้ว!” นักวอลเลย์ฯ สาวตวาด แทบไม่เหลือเค้าความใจดีในทีแรก
“อีบ้า! ทำนายมั่ว! ทุเรศ ๆๆ อย่างนี้ชั้นไม่จ่ายเงินให้หรอก เดี๋ยวเถอะ...ชั้นจะฟ้องหมิ่นประมาทแก” คำผรุสวาทมากมายพรั่งพรูจากปากสวย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินลงส้นปึงปังจากไปโดยไม่จ่ายเงินแม้สักแดง
หลังจากนักกีฬาผู้จับได้เดอะไพ่เดวิลเดินจากไปจนลับสายตาแล้ว ธเรษตรีจึงค่อย ๆ ฟื้นคืนสติอีกครั้ง นี่เป็นอีกคราที่เด็กสาวสูญเสียการควบคุมตนเองให้กับ ‘ตัวเธออีกคน’ คราวนี้ฝนยื่งรู้สึกแปลกประหลาดมากกว่าการทำนายคร้งก่อน ๆ
นั่นเพราะเธอสามารถล่วงรู้ได้ถึง ‘จิตใจอันชั่วร้าย’ ของนักกีฬาผู้นั้น!?
ธเรษตรีสั่นสะท้านด้วยความพรั่นพรึง น้ำตาปริ่มออกที่ขอบเบ้าทั้งสอง เด็กสาวกำลังสับสน นี่เธอเป็นตัวอะไรกันแน่? บ้าหรือวิกลจริตอย่างนั้นหรือ?
...
...
...
นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในโรงยิมสำหรับฝึกซ้อม หญิงสาวผมซอยสั้นทว่าสวยโฉบเฉี่ยวนาม ‘ดุจเดือน’ รู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะอารมณ์เสียค้างคามาตั้งแต่เมื่อคืน ด้วยเพราะเธอถูกนักพยากรณ์แปลก ๆ ทำนายในเชิงว่าร้าย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเดินเข้ามาในโรงยิมก็ต้องพบกับภาพบาดตาที่ไม่อยากเห็น
‘สุวิทย์’ โค้ชหนุ่มหล่อที่ดุจเดือนแอบปลื้มใจใหลหลงนับแต่แรกเห็น บัดนี้กำลังทำท่าสนิทสนมอยู่กับ ‘พรกมล’ ผู้เป็นดาวเด่นของทีม ใคร ๆ ก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองนั้นเป็นยิ่งกว่านักกีฬากับโค้ช ทว่าหาได้มีใครคัดค้านไม่ ทุกคนเห็นพ้องว่าทั้งสองเป็นคู่รักที่เหมาะสม อีกอย่างทั้งคู่ก็ไม่เคยทำอะไรผิดหรือเกินเลยมากไปกว่าคนรัก
ทว่าสำหรับดุจเดือนแล้ว...พรกมลผู้นี้นับเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งที่เธอจะต้องช่วงชิงเอาชนะให้ได้ หญิงสาวเพียรพยายามที่จะฝึกปรือฝีมือตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยหวังว่าจะได้ครองตำแหน่งตัวจริงของทีม หากเธอได้รับบทเด่นเมื่อไรคุณสุวิทย์จะต้องหันมามองอย่างแน่นอน
แต่อย่างไร จนแล้วจนรอดดุจเดือนก็ตามพรกมลไม่ทัน
หญิงสาวรับรู้หลังจากพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า...พรกมลมีความสามารถ ทั้งยังขยันหมั่นฝึกฝน ดังนั้นไม่มีทางที่เธอหรือใครจะตามได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม
ทั้งความสามารถในเชิงกีฬา...หรือแม้กระทั่งความรัก!
“อ้าว! เดือน เข้ามาซ้อมด้วยกันสิ” พรกมลตะโกนเรียก เมื่อเห็นว่าดุจเดือนไม่เข้าไปร่วมซ้อมเสียที
“จ้ะ ๆ เดี๋ยวขอเปลี่ยนเสื้อแป๊บหนึ่งนะ” ผู้เป็นตัวสำรองตีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในใจ
ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกีฬา หัวใจของเธอร้อนรุ่มด้วยเพลิงดำแห่งจิตริษยา ไม่มีหนทางใดที่จะเข้าไปแทรกแทนที่พรกมลได้
ทั้งตำแหน่งของทีม...ทั้งตำแหน่งของหัวใจ
ไม่สิ! ตราบเท่าที่พรกมลยังอยู่ ณ ที่ตรงนั้นต่างหากเล่า!?
ดุจเดือนเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าร่วมซ้อมกับทีม แม้ท่าทางจะจริงจังกับการซ้อม แม้สีหน้าจะดูยิ้มแย้มและเป็นมิตร
ทว่าในใจนั้น...กลจักรฟันเฟืองแห่งความริษยากำลังหมุนเพื่อทำงานอย่างเต็มที่ สมาธิของดุจเดือนแทบไม่ได้อยู่กับเกมการฝึกซ้อม ด้วยเพราะสมองกำลังทุ่มเทคิดค้นวิธีการที่จะทำให้พรกมลกระเด็นจากตำแหน่งที่ขวางทางอยู่
กำจัด!
มีทางเดียวคือ...ต้องกำจัด!
ดุจเดือนผู้ผิดหวังทั้งเกมกีฬาและเกมแห่งรักไม่ได้คิดร้ายถึงขั้นฆ่าแกง หญิงสาวพยายามคิดหาทางที่จะทำให้คู่แข่งพลาดพลั้งจากตำแหน่งเอซของทีม ซึ่งนั่นจะเปิดโอกาสให้เธอมากขึ้น
ลูกวอลเลย์บอลลอยโด่งจากอีกฝั่งสนาม มันลอยข้ามเนตและโค้งใกล้เข้ามา...เข้าบริเวณตรงกลาง ระหว่างเธอกับพรกมล
ตำแหน่งนี้ หากพูดเป็นภาษานักกีฬา มันเป็นตำแหน่งที่เรียกว่า...
จุดเกรงใจ!
วาบความคิดและเสี้ยวตัดสินใจ นักกีฬาผู้เปี่ยมด้วยจิตริษยาสเต็ปเท้าเข้าไปยังตำแหน่งที่ลูกวอลเลย์บอลกำลังจะตก และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่พรกมลก็เคลื่อนตัวเข้ามาเช่นกัน
มันเป็นวินาทีที่สายตาของทุกคน ทั้งโค้ช ทั้งนักกีฬา...ทั้งพรกมล
พริบตาที่ทุกคู่สายตาจับจ้องยังลูกบอลที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
มีเพียงคนเดียวที่จ้องมองพื้น...ดุจเดือน!?
พลั่ก! เสียงคนสองคนวิ่งชนกันอย่างแรง
“โอ๊ย!” เสียงของพรกมลดังลั่นพร้อมกับทรุดตัวลงไปนอนกุมข้อเท้า
ทุกคนที่อยู่ในโรงยิมรีบปรี่เข้าไปดูอาการของเอซประจำทีม ข้อเท้าของพรกมลบวมเป่ง จนคุณสุวิทย์ต้องรีบพาไปส่งยังโรงพยาบาลเป็นการด่วน
“ฮือ ๆๆๆๆๆ...เพราะเดือนแท้ ๆ เพราะเดือนคนเดียว คุณพรกมลถึงต้องมาเจ็บอย่างนี้” ตัวสำรองของทีมนั่งร้องไห้เอาหน้าซบกับฝ่ามือ
“มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าคิดมาก” ใครสักคนพูดปลอบใจ
“เดือน...เดือนไม่ได้ตั้งใจ!” ดุจเดือนพูดทั้งน้ำตา
“ไม่มีใครโทษเดือนหรอก ทุกคนรู้ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย เดี๋ยวพรกมลก็หาย คงจะไม่ถึงกับขาหักหรอกน่ะ” คนเดิมปลอบพลางใช้มือตบไหล่หญิงสาว
รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของดุจเดือน แต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น เนื่องเพราะเธอรีบเอาฝ่ามือปิดไว้ทำทีเป็นสะกดกลั้นเสียงร้องไห้
ทว่าแท้จริงแล้ว...เธอกำลังกลั้นหัวเราะต่างหาก!
[ ต้องหักสิยะ! ชั้นตั้งใจเหยียบเต็มแรงออกอย่างนั้น ไม่หักให้มันรู้ไปสิ ฮิ ๆๆ ] นั่นคือความคิดของนักกีฬาที่ต้องการตำแหน่งตัวจริง
หลังจากนั้นดุจเดือนก็แสร้งทำเป็นนั่งซึมเพื่อให้สมบทบาท หญิงสาวปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นซ้อมกันไปก่อน ส่วนตัวเธอก็นั่งคิดหาวิธีพิชิตหัวใจโค้ชหนุ่มในช่วงเวลาที่พรกมลไม่สามารถร่วมซ้อมกับทีมได้
“เฮ้! ทุกคน ผมกลับมาแล้ว!” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นที่ประตูโรงยิม สีหน้าของเขายิ้มแย้ม
“โค้ชทำไมกลับมาเร็วจัง แล้วพรกมลเป็นยังไงบ้าง?” ลูกทีมร้องถามผู้ฝึกสอน ดุจเดือนผู้เป็นต้นเหตุเองก็งงเพราะเขาไปโรงพยาบาลยังไม่ถึงสามชั่วโมงก็กลับมาแล้ว
“อ๋อ...หมอดูเอกซเรย์แล้วกระดูกไม่หัก แต่ยังไงหมอก็ให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักคืนสองคืน เผื่อมีอาการบวมอักเสบ” โค้ชสุวิทย์อธิบาย นั่นทำให้มีเสียงถอนใจโล่งกังวลจากลูกทีมที่นึกว่าจะต้องเสียเอซมือดีไปซะแล้ว
“แล้วพักอยู่ที่โรงพยาบาลไหนล่ะคะ” ใครสักคนถาม ดุจเดือนเงี่ยหูฟัง
“อยู่ที่โรงพยาบาล...” โค้ชประจำหัวใจของพรกมลเอ่ยชื่อโรงพยาบาลและหมายเลขห้องที่คนรักได้เข้าพัก
“แล้วเดือนล่ะกลับไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มมองหาหญิงสาวที่บัดนี้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว เขาอยากจะปลอบไม่ให้เธอกังวลใจมากเกินไป อีกทั้งพรกมลเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายนัก
“สงสัยกลับไปแล้วค่ะ ท่าทางเดือนเขาจะกังวลมากเหมือนกัน เมื่อกี้เห็นร้องไห้ตลอดเลย” เพื่อนร่วมทีมอธิบายในสิ่งที่เห็น
...
...
ดุจเดือน หญิงสาวผู้เต็มเปี่ยมด้วยความริษยา มันรุนแรงจนแทบมอดไหม้ทุกสรรพสิ่งประหนึ่งไฟจากนรกอันเป็นที่สิงสถิตของปิศาจร้าย...และบัดนี้เปลวแห่งเพลิงกาฬได้แผดเผาหัวใจมนุษย์ของดุจเดือนจนหมดสิ้น
บัดนี้สถานที่เบื้องหน้าของหญิงสาวนักกีฬาตัวสำรอง...คือโรงพยาบาลที่พรกมลเข้ารับการรักษาตัว!
ดุจเดือนผู้สวมแห่งวิญญาณปิศาจเดินเข้าในตัวตึก ใบหน้าเธอเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและกิริยาอันสุภาพ ทำให้ไม่เป็นที่ผิดสังเกตของใครต่อใคร
ประตูห้องพิเศษค่อย ๆ เปิดแง้มออก ดุจเดือนสอดส่ายสายตาเข้าด้านใน เพียงครู่เดียวก็เห็นศัตรูหัวใจกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก
ระเบียงนั้นมีกำแพงกั้นสูงเลยระดับเอวมาเล็กน้อย...ขณะที่ความสูงในชั้นนี้
ชั้นที่ 8!
ดุจเดือนย่างเท้าแทรกตัวเข้าทางช่องประตูที่เปิดแง้ม ฝีเท้าเงียบกริบราวแมวป่าที่ล่าเหยื่อยามราตรี หญิงสาวผู้มากด้วยเปลวริษยาย่องไปทางด้านหลังของพรนภาผู้ซึ่งยืนปล่อยอารมณ์ไปกับทิวทัศน์ของชั้นแปด ข้อเท้าข้างที่บาดเจ็บถูกพันไว้เพียงผ้ายืด ท่าทางเป้าหมายไม่รับรู้ว่าบัดนี้มีอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญย่องเข้ามาเยือนจากทางด้านหลัง
นักกีฬาผู้เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาชะงักเท้าเมื่อสัมผัสถึงเสียงบางอย่างในจิตใจ
‘เขาแหลมนั่น! แสดงถึงความยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นสาวกของปิศาจ ยินยอมที่จะริษยาอาฆาต...แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม!’
‘สิ่งที่ตั้งใจจะทำ...จงเลิกเสีย! มิฉะนั้นเจ้าอาจจะต้องกลายเป็นปิศาจที่ชั่วช้า’
‘อีกทั้งต้องรับผลกรรมที่เลวร้าย!’
เป็นเสียงคำทำนายของนักพยากรณ์ที่แว่วเตือนสติ ไพ่ทาโรต์รูปปิศาจซาตานวาบเข้าในหัว
[ เราไม่ควรที่จะทำอะไรบ้า ๆ อย่างนี้ มันเป็นร้ายกาจเกินไป ] มโนสติส่วนที่ดีพยายามเตือนเจ้าของร่าง
[ แต่ถ้าไม่ทำตอนนี้…แล้วจะทำตอนไหน ? โอกาสอย่างนี้ไม่มีอีกแล้วนะ ] อีกเสียงที่เป็นมารร้ายในใจพยายามร่ำร้อง
[ อย่านะดุจเดือน ตั้งสติให้ดี! กลับไปโรงยิมแล้วตั้งใจฝึกซ้อมดีกว่า ] ความดีในตัวพยายามทัดทานสุดกำลัง
[ อย่าไปเชื่อ! ความสำเร็จรออยู่ตรงหน้าแล้ว ]...ราวกับเป็นเสียงพญามาร สำเนียงแห่งมโนธรรมค่อย ๆเบาบางจนหายหมดสิ้น หญิงสาวยิ้มเย็นเยือก ใบหน้าสละสลวยบัดนี้น่าเกลียดน่ากลัวราวกับปิศาจร้ายจากขุมนรก
ดุจเดือนมองเหยื่อตรงหน้าผู้กำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเหี้ยมเกรียม จากนั้นจึงออกตัววิ่งเต็มที่ มือทั้งสองเหยียดออกไปจนสุดเอื้อมโดยมีเป้าหมายอยู่ที่แผ่นหลังของศัตรูหัวใจ
วินาทีก่อนที่มือจะสัมผัสกับแผ่นหลัง เท้าทั้งสองเกิดขัดกันทำให้ดุจเดือนพุ่งพรวดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นทิศทางก็ยังพุ่งแม่นสู่เป้าหมาย
พรกมลกำลังยืนปล่อยอารมณ์ไปกับทิวทัศน์ของความสูงระดับตึกแปดชั้น หญิงสาวไม่รู้สึกโกรธเพื่อนร่วมทีมแม้สักนิด เธอเชื่อมั่นว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
‘ระวังตัวให้ดี!’ แว่วเสียงใครสักคน
เอซผู้บาดเจ็บหันซ้ายขวาเพื่อมองหาต้นเสียง ทว่าไม่อาจมองเห็นเจ้าของเสียงลึกลับผู้นั้น
ยังไม่ทันจะคิดอ่านประการใด ไม่ทันแม้แต่จะเหลียวไปมองทางด้านหลัง สมองพลันรับรู้อีกหนึ่งข้อความ
‘ก้มลง! ก้มลงเดี๋ยวนี้!’
แปล๊บ!
พริบตาเดียวหลังจากยินเสียงลึกลับ ฉับพลันก็บังเกิดความเจ็บเสียวที่ข้อเท้า นักกีฬาสาวจำต้องทรุดตัวลงนั่งด้วยไม่อาจทนยืนต่อไปไหว
และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ดุจเดือนลอยพุ่งเข้ามา
อนิจจา...ดุจเดือนพุ่งเลยข้ามหลังของพรกมลที่ก้มลงเพราะความเจ็บปวดที่ข้อเท้า...เจ็บตรงบาดแผลที่ดุจเดือนจงใจสร้างเพื่อกำจัดคู่แข่งให้พ้นทาง
และกำแพงกั้นที่ขอบระเบียงก็สูงเพียงแค่เหนือกว่าเอวเท่านั้น
“กรี๊ดดดดดดดดดด!” เสียงกรีดร้องยาวดังลั่น ก่อนจะตามด้วยเสียงของหนัก ๆ กระแทกกับพื้นคอนกรีตเบื้องล่าง
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ที่ชั้นล่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมาที่มามุงดูร่างไร้วิญญาณของดุจเดือน ไม่มีใครแตะต้องศพของเธอ ด้วยเพราะต้องรอการชันสูตรศพจากแพทย์นิติเวช และไม่มีใครสังเกตได้ทันว่า ในหมู่ไทยมุงทั้งหลายมีเด็กสาวชุดดำคนหนึ่งปะปนอยู่ด้วย
เด็กสาวผู้นั้นมีแววตาดำมืดราวกับลูกแก้วไร้แสงสะท้อน เธอยืนนิ่งมองร่างแหลกเหลวอยู่เพียงอึดใจก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ