บทแห่งการตัดสิน (Judgement) : เรื่องราวของนักทำนาย
ตอนกลาง : Catastrophe
พระเพลิงสีแดงพร้อมควันพวยพุ่งจากไอพ่นขนาดใหญ่ของกระสวยอวกาศ แรงขับดันพลังสูงอันสามารถต้านแรงโน้มถ่วงกระชากจรวดให้พุ่งออกจากพื้นผิวโลก มันเป็นปฏิบัติการที่คนทั่วทั้งโลกเฝ้าจับตาอย่างมิอาจกะพริบ
‘เดอะโฮป (THE HOPE)’ คือชื่อของกระสวยอวกาศ และความหมายก็เป็นดังเช่นชื่อของมัน...โฮปคือความหวัง ปฏิบัติการครานี้เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะยืดต่ออายุของมวลมนุษยชาติ หากแม้นเดอะโฮปที่ปล่อยขึ้นฟ้าเกิดการผิดพลาดแล้วล่ะก็ บางทีความเสียหายอาจจะร้ายแรงถึงขั้นสิ้นชาติ สิ้นเผ่าพันธุ์!
ความหวังสุดท้ายพุ่งลิ่วขึ้นฟ้าไปแล้ว ภารกิจทั้งหมดถูกชี้แจงโดยละเอียดผ่านหน้าจอโทรทัศน์ของทุกสถานีและของทุกประเทศท่ามกลางความตื่นกลัวของประชากรโลก
“ด็อกเตอร์ชัยสิทธิ์ครับ ในฐานะที่ท่านเคยทำงานกับองค์การนาซ่า ท่านช่วยอธิบายภารกิจของเดอะโฮปให้ผู้ชมรับทราบหน่อยครับ” ผู้บรรยายยิงคำถาม
“เอ่อ…มันก็เหมือนกับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่เราเคยดูเมื่อหลายปีก่อน” ผู้เชี่ยวชาญเริ่มอธิบายอย่าง
“เมื่อกระสวยลงจอดบนพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยคาทาส ทีมขุดเจาะก็จะใช้เครื่องขุดอันทรงพลัง ซึ่งนาซ่าบอกว่าดีเยี่ยมยิ่งกว่าในภาพยนตร์”
“หลังจากที่ขุดไปได้ตามที่คำนวณรวมทั้งหมดสี่ตำแหน่ง ทุกจุดจะถูกหย่อนระเบิดนิวเคลียร์ลงไป จากนั้นก็ตามสูตรคือเผ่นออกมาแล้วก็กดสวิทช์ ตูม!”
“อ๋อ…” โฆษกลากเสียงยาวก่อนที่จะยิงคำถามต่อ
“ว่าแต่ดาวเคราะห์มีขนาดใหญ่มาก นิวเคลียร์สี่ลูกจะสามารถทำให้มันแตกสลายได้หรือครับ”
ผู้เชี่ยวชาญจิบน้ำนิดหนึ่งก่อนที่จะตอบ
“ไม่แตกสลายเป็นผุยผงหรอกครับ แต่ระเบิดสี่ลูกจะถูกคำนวณตำแหน่งไว้อย่างดี เมื่อระเบิด ดาวเคราะห์จะแตกออกเป็นชิ้น ซึ่งนาซ่าหวังว่าแรงระเบิดจะดีดชิ้นใหญ่ ๆ ให้พ้นจากวิถีโคจรที่มุ่งสู่โลก อาจจะมีเหลือบ้างก็เป็นเศษชิ้นส่วนที่ไม่ใหญ่โตนัก”
“แล้วโอกาสล่ะครับ นาซ่าแจ้งไหมครับว่ามีโอกาสสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์”
ด็อกเตอร์เงียบไปสองสามวินาที
“คาดว่าคงมีโอกาสสำเร็จราว ๆ 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ครับ” เป็นคำตอบสุดท้ายก่อนที่พิธีกรจะตัดเข้าสู่โฆษณา
“นี่คุณพิธีกร คำถามเรื่องโอกาสสำเร็จน่ะไม่เอาแล้วนะ” ยอดนักดาราศาสตร์หัวกะทิรีบกระซิบบอกทันทีที่หยุดการออกอากาศชั่วขณะ
“ทำไมล่ะครับ?” พิธีกรถามงง ๆ
“ผมก็เคยถามคำถามนี้กับนาซ่า”
“แล้วเขาตอบว่ายังไงครับ?”
ด็อกเตอร์กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างพาดผ่านแววตา…มันคือความสิ้นหวัง?
“เขาตอบว่า…ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง”
...
...
โทรทัศน์ขนาดยักษ์กลางสี่แยกประตูน้ำรวมถึงโทรทัศน์ทั่วทั้งโลก บัดนี้น่าจะกำลังฉายภาพเดียวกัน นั่นคือภาพภายในของยานอวกาศ ‘เดอะโฮป’ ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์มฤตยู
ภาพที่ดีเลย์กว่าเวลาจริงราวสิบวินาทีกำลังฉายบริเวณหน้าต่างด้านหน้าของกระสวยที่กำลังบินหลบหลีกเศษอุกกาบาตอย่างแคล่วคล่อง
“เรากำลังพยายามบินหลบเศษหินพวกนี้” เสียงนักบินอวกาศคนหนึ่งอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพยายามพูดกระซิบเพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิของกัปตันผู้ควบคุมยาน
“น่าประหลาดมากเลยนะครับ ที่จู่ ๆ มีอุกกาบาตมากมายขนาดนี้อยู่ใกล้โลกโดยที่เราไม่รู้ตัว” นักบินอวกาศกระซิบกระซาบ แต่กระนั้นก็ไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นได้
“ทุกท่านสังเกตนะครับว่าเศษเล็ก ๆ พวกนี้กำลังสวนทางเราและมุ่งตรงสู่โลก ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแรงดึงดูด...แต่ทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทั้งหมดเป็นเพียงเศษหินเล็ก ๆ ที่จะสลายตัวในชั้นบรรยากาศ ส่วนก้อนใหญ่ที่อาจก่ออันตรายอย่างเช่นเมื่อวันก่อน ตอนนี้ยังไม่เห็นครับ” ภาพในกล้องจับไปยังเศษหินมากมายที่วิ่งผ่านเดอะโฮป
ยานอวกาศที่แบกความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติบินหลบหินอุกกาบาตซ้ายทีขวาที การหลบหลีกกระทำอย่างแม่นยำด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลได้อย่างฉับไว และอีกไม่นานเกินรอ เบื้องหน้าของเหล่านักบินผู้กล้าจึงได้ประจักษ์แจ้งแก่สายตา
ก้อนหินขนาดยักษ์ลอยอยู่ในอวกาศ…ดาวเคราะห์มฤตยู คาทาส (Catas)!
และภาพที่นักบินเห็นได้ถูกส่งผ่านสัญญาณวิทยุสู่พื้นผิวโลก มันถูกแพร่กระจายไปยังทุกสถานีโทรทัศน์ของทุกประเทศด้วยเครือข่ายดาวเทียม
“โอ้โห! ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้!?” หญิงคนหนึ่งที่ยืนข้าง ๆ ธเรษตรีอุทานเมื่อเห็นภาพจากจอทีวีที่แยกประตูน้ำ ขณะที่บางคนปิดปากพูดอะไรไม่ออก บางคนหน้าซีดเผือดพาลจะเป็นลมเอาดื้อ ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นธรรมดา ด้วยเพราะขนาดของคาทาสนั้นใหญ่มากมายนัก
“ถ้า…ถ้านาซ่าทำไม่สำเร็จล่ะก็…” ใครคนหนึ่งรำพึง
“จุดปะทะคือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บางทีประเทศไทยอาจจะหายไปจากโลก” อีกคนพูดต่อ คนอื่นได้แต่นิ่งเงียบ
ธเรษตรีนิ่งสนิทในหัวใจ เด็กสาวรู้ดีว่าหากดาวเคราะห์มหึมาเข้าปะทะกับโลกเมื่อใด ไม่เพียงแต่ประเทศไทยหรือทวีปเอเชียเท่านั้นที่จะพังพินาศ
แต่จะเป็นทั่วทั้งโลก!
เด็กสาวผู้มีชะตากรรมแห่งการตัดสินยืนนิ่ง เธอทำจิตให้ว่างเปล่า เพียงเท่านี้ความคิดของผู้คนรอบข้างก็หลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของเธอ
นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฝน - ธเรษตรีจะทำได้ เด็กสาวอยากรับรู้จิตใจของมนุษย์อีกครั้งก่อนทำการตัดสิน อย่างน้อย ๆ ก็อยากรับรู้หัวใจของมนุษย์ในรัศมีรอบบริเวณ
ความกลัว!…ราวกับสีดำอนธการที่แผ่ปกคลุมท้องฟ้า เมฆหมอกทะมึนล้วนปกคลุมจิตใจของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ทว่าท่ามกลางความมืดสนิทราวสีนิลกาฬกลับมีประกายแสงซ่อนเร้นอยู่ด้านใน
มันคือเปลวแห่งความหวัง!
มันคือเปลวไฟแห่งความหวังที่ลุกโชนด้วยความเชื่อมั่น บางคนเจิดจ้าส่องประกาย หากแต่ในบางคนเปลวกลับริบหรี่ด้วยความขลาดเขลา แต่กระนั้นทุกคนยังมีหวังอยู่ในใจลึก ๆ ความหวังที่ฝากไว้กับมนุษย์อวกาศผู้เป็นอัศวินแห่งโชคชะตา
เหล่านักบินของ ‘เดอะโฮป’
...
...
กระสวยอวกาศจอดลงบนพื้นผิวดาวเคราะห์อย่างแผ่วเบา กล้องที่ทำการถ่ายทอดสดถูกติดตั้งเข้ากับหมวกอวกาศของแต่ละคน ทำให้ผู้ชมทางบ้านสามารถรับรู้สถานการณ์ได้จากมุมมองของมนุษย์อวกาศ ซึ่งก็สุดแล้วแต่ว่าทางสถานีจะตัดภาพให้รับชมในมุมมองของนักบินคนไหน
ผู้บรรยายทำหน้าที่แข็งขัน ภาพในจอตอนนี้ นักบินกำลังลงจากยานอวกาศด้วยรถตีนตะขาบที่สามารถลุยได้ทุกสภาวะ รถสองคันแบ่งนักบินออกเป็นสองทีม แต่ละทีมประกอบด้วยแท่นขุดถึงสามชุดเพื่อสลับสับเปลี่ยนหากมีการชำรุด นอกจากแท่นขุดแล้วยังมีหัวรบนิวเคลียร์ขนาดใหญ่บรรทุกไปด้วยทีมละสองหัว
“เราจะขุดให้ลึกสองพันฟุต…จากการคำนวณ แต่ละหลุมคงกินเวลาราวสิบชั่วโมง ” เสียงอธิบายจากนักบินคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นกัปตัน
“ทีมละสองหลุมก็ตกราวยี่สิบชั่วโมง...ไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงก็น่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ จากนั้นเราจะขึ้นเดอะโฮปกลับ” นักบินหัวหน้าทีมพูดขณะที่จอภาพฉายภูมิทัศน์ที่เห็นจากบนรถตีนตะขาบ
ภูมิประเทศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า มีเพียงดินและหินซึ่งเมื่อผนวกเข้ากับความมืดมิดที่มีเพียงแสงดาวเป็นอาภรณ์ห่อหุ้มล้วนแล้วแต่ทำให้น่าหดหู่ใจ
“เวลาเส้นตายเท่าไรครับ” โฆษกภาษาไทยถามผู้เชี่ยวชาญ
เวลาเส้นตาย…ธเรษตรีจำได้จากตอนต้นรายการ หากนิวเคลียร์ไม่สามารถพิชิตดวงดาวแห่งหายนะได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนด หรือเพียงแค่ระเบิดช้าเกินไป แม้คาทาสจะแตกเป็นเสี่ยงแต่วิถีโคจรของชิ้นส่วนทั้งหลายจะไม่อาจดีดพ้นโลกได้...ทั้งหมดจะยังพุ่งชนโลกอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ดังนั้นจึงต้องระเบิดให้ได้ก่อนถึงช่วงเวลาที่กำหนด และนั่นจะทำให้เศษส่วนใหญ่ของดวงดาวลอยเฉียงเฉียดผ่านโลกทางด้านข้าง พูดง่าย ๆ ก็คือยิ่งระเบิดได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
และเวลาเส้นตายที่ว่า…อีกสองวันเศษเท่านั้น!
หากไม่มีอะไรติดขัดดังเช่นในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเมื่อหลายปีก่อน เวลาสองวันนั้นเหลือเฟือที่จะทำให้มวลมนุษย์รอดพ้นจากดาบเพลิงแห่งสวรรค์
ธเรษตรีลุกขึ้นเพื่อเดินทางกลับที่พัก พรุ่งนี้เด็กสาวจะกลับมาที่ตรงนี้เพื่อดูความเป็นไปของภารกิจแห่งความหวัง ตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน การเปิดจิตเพื่อรับความคิดของคนอื่นนั้นมันช่างทรมานและสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากมายนัก
ธเรษตรีเดินจนเกือบถึงบ้าน เด็กสาวเลือกใช้วิธีเดินเท้าเนื่องเพราะไม่มีรถประจำทางวิ่งบนท้องถนนที่เกือบจะว่างเปล่า ดูเหมือนคนในกรุงเทพฯจะจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรทัศน์ชนิดไม่วางตา
เด็กสาวก้าวฝีเท้าเป็นจังหวะไม่รีบร้อนท่ามกลางสนธยาที่กำลังมาเยือน
[ เด็กผู้หญิง…สวยว่ะ ] เสียงใครสักคนดังขึ้นในหัว ธเรษตรีรับรู้ได้ว่ามันพุ่งมาจากทางด้านหลังไม่ห่างสักเท่าไร
[ ยังไงเดี๋ยวก็ต้องตายหมดทั้งโลกแล้ว ทำในสิ่งที่เราอยากทำดีกว่า ] นั่นคือประโยคที่พุ่งมาพร้อมกับอณูความคิดที่ชั่วร้าย
ธเรษตรีไม่หวาดกลัว อำนาจพิเศษของเธอยิ่งใหญ่พอที่จะจัดการคนชั่วได้
นักทำนายแห่งไพ่ทาโรต์รวบรวมภาพหลอนที่น่าสะพรึงไว้ในความคิด เด็กสาวเตรียมที่จะปลดปล่อยมันให้พุ่งเข้าใส่สมองของคนร้าย
[ นี่แหละธาตุแท้ของมนุษย์…นี่หรือคือพวกที่สมควรปกป้อง? ] นั่นคือความคิดของธเรษตรีที่เตรียมตัวหันกลับไปเผชิญหน้าเดนสังคม
“นั่นจะทำอะไรน่ะ?” เสียงใครคนหนึ่งดังขัดจังหวะ
ธเรษตรีหันไปมอง ชายร่างอ้วนในชุดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กำลังชี้มือไปยังคนร่างผอมที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ห่างเพียงแค่สามสี่เมตร
“เดินตามน้องเขาทำไม!” ตำรวจร่างตุ้ยตะโกนพร้อมเดินเข้ามาใกล้ ชายผอมผู้ริเป็นโจรรีบเผ่นแน่บจากที่ตรงนั้น
“หนีไปซะแล้ว น้องเดินระวังหน่อยนะ มืดแล้ว” ตำรวจเตือนขณะที่เดินเข้ามาใกล้ ธเรษตรีสังเกตเห็นป้ายชื่อบนหน้าอก ‘แสวง พูลพรั่งทรัพย์’ เธอจำได้ว่าตำรวจคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เคยเจอเมื่อครั้งโจรปล้นธนาคาร
“ขอบคุณมากค่ะ” ธเรษตรีค้อมศีรษะลง ท่าทางนายตำรวจจะจำเธอผู้เป็นแม่หมอพยากรณ์ไม่ได้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ด้วยเพราะตอนนี้เด็กสาวอยู่ในชุดธรรมดาไม่ได้ใส่ชุดสีดำสำหรับใช้ทำนาย
หลังจากที่กลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย เด็กสาวจึงรับประทานอาหารเย็นที่แวะซื้อมาด้วย แม้จะแปลกใจที่หาตายายไม่เจอ แต่กระนั้นเด็กสาวก็อาบน้ำแล้วก็เข้านอนตามปกติ
…
…
ท่ามกลางหมอกขาวที่รายล้อม ธเรษตรีที่ยืนเดียวดายรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าขณะนี้เธอกำลังฝัน...และไม่ใช่ฝันธรรมดา
“พบกันเป็นครั้งสุดท้าย…ในความฝัน” เสียงคุ้นเคยทักทายจากข้างหลัง เจ้าของเสียงก็คือสองแฝดชราชุดขาวดำ
“เวลาแห่งการตัดสินใกล้เข้ามาทุกขณะ ตัดสินใจได้หรือยัง โนอาห์…ไม่ใช่สิ! ชาติภพนี้เธอคือธเรษตรี” ชุดขาวถาม
“ไม่จำเป็นต้องเลือกหรอก มนุษย์ส่งกระสวยอวกาศติดหัวรบขึ้นไปทำลายดาวเคราะห์น้อยแล้ว” นักพยากรณ์พูด แม้ไม่มั่นใจแต่เด็กสาวก็เชื่อว่าปฏิบัติการทางอวกาศน่าจะสำเร็จตามที่ทุกคนตั้งความหวัง
ชายชราทั้งสองนิ่งไปชั่วขณะ
“...มนุษย์ผู้โง่เขลา กี่ครั้งกี่หนแล้วที่กระทำการข้ามเขตแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้า คราวนี้ก็เช่นกัน คมดาบสายฟ้าจักพุ่งทำลายหมู่มวลมนุษย์เสียก่อนที่จะถึงเวลาแห่งการพิพากษา” เป็นประโยคของชายชุดดำ
“อีกไม่ช้าเราทั้งสองจะปรากฏตัวในโลกแห่งความจริงที่มิใช่ฝัน และเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจ จงเตรียมคำตอบไว้ ธเรษตรี…ผู้มีสายเลือดแห่งโชคชะตาที่น่าเศร้า” ชายชราชุดขาวเอ่ยแผ่วเบา
“เดี๋ยว!” เด็กสาวตะโกนร้องเมื่อภาพสองชายชราค่อย ๆ เลือนหายไปกับสายหมอก
‘กริ๊งงงงงงงงงงง!’ นาฬิกาที่ตั้งเวลาไว้เจ็ดโมงเช้าลั่นระฆัง นักพยากรณ์แห่งไพ่ทาโรต์สะดุ้งตื่น เมื่อตั้งสติได้จึงเอื้อมมือเปะปะเพื่อที่จะปิดเสียงแสบแก้วหู
แรกสัมผัส…กลับไม่ใช่นาฬิกา? เด็กสาววางมันลงบนที่นอนก่อนที่จะควานหานาฬิกาและปิดสวิทช์จนสำเร็จ
นักทำนายบิดกายด้วยความขี้เกียจ การหลับและฝันทำให้รู้สึกอ่อนเพลียราวกับนอนไม่พอ เด็กสาวขยี้ตาด้วยความง่วง และเมื่อลืมตาชัด ๆ เธอจึงเห็นสิ่งที่คว้าหยิบได้ก่อนที่จะปิดเสียงนาฬิกา
มันคือไพ่ทาโรต์!
เธอหยิบมาหนึ่งใบจากสำรับที่วางอยู่ข้างนาฬิกา ที่สำคัญ...เธอหยิบมันด้วยมือซ้ายเสียด้วยสิ
ธเรษตรีพลิกหน้าไพ่...และก็เป็นอย่างที่คิด มันคือไพ่ที่ชื่อ ‘Judgement’
...
...
...
นาทีนี้ผู้คนทั่วโลกไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่นนอกจากนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ ภาพที่ปรากฏต่อทุกสายตาเป็นภาพเต้น ๆ ล้ม ๆ เนื่องเพราะต้องส่งมาจากระยะไกล ทั้งยังต้องผ่านชั้นบรรยากาศ
การขุดเจาะพื้นผิวของดาวเคราะห์เป็นไปด้วยความยากลำบาก หลายครั้งที่ต้องเปลี่ยนหัวเจาะเนื่องจากขุดไปเจอหินแข็ง แต่ด้วยความรอบคอบของทีมงานที่นำชุดเจาะไปหลายอันจึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมแซม
เวลาการขุดเจาะผ่านมาแล้วราวยี่สิบชั่วโมง ซึ่งหมายความว่ายังอีกนานกว่าจะถึงกำหนดเส้นตายที่จะสามารถระเบิดดาวเคราะห์โดยไม่มีผลกระทบต่อโลก
“โอ.เค. ครับ ด้านผมเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองหลุม อีกเดี๋ยวจะหย่อนหัวรบลงไป” นั่นเป็นข่าวดีสำหรับชาวโลกที่ได้รับรู้ว่าสองจากทั้งหมดสี่หลุมพร้อมที่จะทำงานอย่างไม่มีอุปสรรค
“ไม่ทราบว่าฝั่งนู้นเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงนักบินคนเดิมกำลังสื่อสารกับอีกทีม ธเรษตรีดูโทรทัศน์จอยักษ์ที่แยกประตูน้ำด้วยความรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ และนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากเสียงหัวใจของคนรอบข้างที่สามารถรับรู้ได้
“ทีมคุณเสร็จแล้วหรือ...ทีมผมเหลืออีกหลุมหนึ่ง อีกราว ๆ สักยี่สิบฟุตเท่านั้น” เสียงตอบสบาย ๆ จากอีกทีม ถึงตอนนี้นักพยากรณ์รับรู้ถึงความหวังที่ปรากฏขึ้นในใจของทุกคนที่กำลังยืนดูจอโทรทัศน์
ทุกคนมีความหวังว่าองค์การนาซ่าจะสามารถทำสำเร็จ...ความหวังที่จะระเบิดดาวเคราะห์น้อยให้แตกและเบนทิศทางเฉียงออกห่างจากโลก
นั่นคือความหวังของเหล่ามวลมนุษย์ ธเรษตรีก็หวังใจให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ทว่าเด็กสาวยังจำประโยคของชายชราลึกลับได้
‘มนุษย์ผู้โง่เขลา กี่ครั้งกี่หนแล้วที่กระทำการข้ามเขตแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้า คราวนี้ก็เช่นกัน คมดาบสายฟ้าจักพุ่งทำลายหมู่มวลมนุษย์เสียก่อนที่จะถึงเวลาแห่งการพิพากษา’
คำพูดนั้นหมายความว่ากระไร? หมายถึงการทำลายล้างมนุษยชาติจะถูกเร่งเวลาให้ร่นเข้าจากกระสวยอวกาศที่ถูกส่งขึ้นไปอย่างนั้นหรือ?
“เสร็จแล้วครับ! ในที่สุดหลุมทั้งสี่ก็ถูกขุดจนสำเร็จ หลุมสุดท้ายกำลังเสร็จสิ้นการหย่อนหัวรบลงไปยังก้นหลุมเมื่อสักครู่นี้เองครับ” โฆษกพากย์ภาษาไทยบรรยายอย่างตื่นเต้น ขณะที่ผู้คนรอบ ๆ บริเวณปรบมือแทบจะพร้อมเพรียงกัน
เวลาเส้นตายที่วิ่งถอยหลังตรงมุมขวาบนของจอโทรทัศน์บอกเวลายี่สิบเก้าชั่วโมงกับอีกสิบสามนาที...นั่นเป็นเวลาที่เหลือเฟือมากมาย
ภาพบนจอที่ทุกคนเห็น เหล่านักบินอวกาศกำลังเร่งรีบเก็บข้าวของเพื่อกลับสู่ยานแม่ ‘เดอะโฮป’ โฆษกบรรยายว่าวิธีการจุดระเบิดนั้นจะใช้รีโมทจากบนกระสวยอวกาศเป็นตัวสั่งการ
นาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ ‘เส้นตาย’ บอกเวลายี่สิบเจ็ดชั่วโมงสี่สิบหกนาที หากแม้การระเบิดบังเกิดขึ้นภายหลังเส้นตายที่ว่า เศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่แตกออกก็จะยังมีวิถีที่พุ่งเข้าใส่โลกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง และบัดนี้นักบินผู้กอบกู้โลกได้ขึ้นยังกระสวยอวกาศจนครบ เดอะโฮปพาพวกเขาออกจากดาวเคราะห์มฤตยูได้ระยะทางที่ไกลพอประมาณ
“เอาล่ะครับ อีกไม่กี่อึดใจเราจะทำการกดระเบิด” นักบินอวกาศเจ้าเก่าอธิบาย ท่าทางคนอื่น ๆ กำลังลุ้นผลงานที่ตัวเองได้ทำ
“นับถอยหลัง…สิบ” เสียงของกัปตันผู้นำทีม
“เก้า” ทุกคนในยานเงียบกริบ
“ แปด ”
“เจ็ด” คนดูบนโลกเริ่มนับตามไปพร้อมกัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วทุกคนคงลืมไปว่าภาพที่เห็นนั้นดีเลย์ไปกว่าสิบวินาที
นั่นแปลว่าในตอนนี้ ‘คาทาส’ ดาวเคราะห์น้อยมฤตยูน่าจะถูกระเบิดไปแล้ว?
“หก!” แต่ทุกคนก็ยังนับต่อไป บางทีอาจเป็นสิบวินาทีที่คนทั้งโลกร่วมใจกันอย่างไม่มีการแบ่งแยกเขาแยกเราก็เป็นได้
“ห้า!” หลายคนในสี่แยกประตูน้ำโดยเฉพาะผู้หญิงยกมือขึ้นปิดใบหน้า ความตื่นเต้นเหลืออีกเพียงห้าวินาทีสุดท้าย
“สี่!” ใครบางคนกรีดร้องอย่างลืมตัว ธเรษตรียกมือประสานไว้ที่ริมฝีปาก ในใจภาวนาให้ปฏิบัติการแห่งความหวังสำเร็จลงด้วยดี
หน้าที่แห่งการตัดสินอันยากลำบากจะได้ไม่ตกเป็นภาระของเธอเพียงผู้เดียว
“สาม!” สามวินาทีสุดท้ายแห่งโชคชะตา จะมีใครเป็นลมบ้างก็ไม่แปลก
“สอง!” คราวนี้บรรดาเสียงนอกจอที่คอยนับเงียบหายไปเยอะ ส่วนใหญ่ยืนนิ่งด้วยความลุ้น
“หนึ่ง!”
“กดสวิทช์” สิ้นประโยค กัปตันกระสวยแห่งความหวังกดปุ่มสีแดงที่แผงคอนโซลควบคุมยาน
โทรทัศน์ฉายภาพที่นักบินทุกคนมองผ่านหน้าต่างไปยังดาวเคราะห์ปิศาจ อีกไม่กี่วินาทีมันก็จะระเบิดเป็นเสี่ยง
เงียบ? ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!?
ทุกคนกลั้นใจรอ ทว่าผ่านไปอีกราว ๆ สิบวินาทีดาวเคราะห์น้อยก็ยังลอยเด่นอย่างไม่เกรงขาม ผู้ชมบางคนสังเกตเห็นกัปตันนักบินกดปุ่มแดงย้ำ ๆ อีกหกเจ็ดครั้ง
กองเชียร์บนโลกเริ่มฮือฮา หลายคนหน้าเสียซึ่งไม่ต่างไปจากสีหน้าของคนที่อยู่ในยานอวกาศสักเท่าไร
“หอควบคุมการบิน…ระเบิดไม่ทำงานครับ” เสียงกัปตันแว่วเป็นภาษาอังกฤษดังออกลำโพงจอโทรทัศน์ หลาย ๆ คนที่สามารถฟังออกกรีดร้องลั่น
“เดอะโฮป…เครื่องส่งคลื่นสัญญาณวิทยุของคุณเสียกระมัง เป็นไปไม่ได้ที่หัวรบทั้งสี่จะชำรุดพร้อม ๆ กัน” เป็นคำตอบจากภาคพื้นดินหลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ
“เดี๋ยวทางเราจะยิงสัญญาณจุดชนวนไปจากโลก เตรียมตัว ห้า...สี่...สาม...สอง...ระวัง...ยิง!”
อีกครั้งที่ทั้งนักบินทั้งกองเชียร์กลั้นใจลุ้นระทึก แต่ก็ปรากฏว่าเป็นอีกครั้งที่ระเบิดไม่ทำงาน!?
บางอย่างที่ผิดปกติ? นักพยากรณ์แห่งไพ่ทาโรต์รู้ทันทีว่าเบื้องหลังของข้อขัดข้องมาจากโชคชะตาของมนุษย์ที่ต้องรับโทษทัณฑ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
โชคชะตาที่ตัวเธอต้องเป็นคนตัดสิน!
ผู้คนรอบกายมีอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด หลายคนหน้าเสีย บางส่วนเริ่มจับกลุ่มวิจารณ์ แต่โดยทั่วไปยังใช้สายตาจ้องจับอยู่ที่จอโทรทัศน์ บางคนสลับสายตามองท้องฟ้าเหนือศีรษะ...ท้องฟ้าที่ไกลออกไปมีมัจจุราชขนาดยักษ์กำลังตรงดิ่งมายังโลก
ถึงตอนนี้โฆษกผู้ดำเนินรายการรวมถึงผู้ทำหน้าที่บรรยายภาษาไทยพยายามสื่อสารกับผู้ชมทางบ้านเพื่อไม่ให้แตกตื่น
“ใจเย็น ๆ นะครับ ท่านผู้ชม ยังไงเดี๋ยวทางนาซ่าก็ต้องหาวิธีจนได้น่ะครับ” พิธีกรพยายามควบคุมสถานการณ์ทั้ง ๆ ที่สีหน้าของตัวเองก็ฉายแววหวาดหวั่นไม่แพ้ใคร
“มาแล้วครับ ดูเหมือนนักบินจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง” ผู้ดำเนินรายการคนเดิมร้องออกมาเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวจากจอโทรทัศน์
“จากเดอะโฮปถึงหอปฏิบัติการ พวกเราตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปตั้งชนวนระเบิดด้วยมือ เราจะตั้งเวลาเผื่อไว้สำหรับการหนีออกมา โชคดีที่ยังมีเวลาอีกมากกว่าจะถึงเส้นตาย” นั่นเป็นเสียงของกัปตันกระสวยแห่งความหวัง
“และหากชนวนระเบิดเวลาเกิดไม่ทำงานอีก ซึ่งพวกเราหวังใจว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น…แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง ใครสักคนในทีมก็พร้อมจะอยู่เพื่อกดสวิทช์ระเบิดด้วยระบบแมนวล” ท้ายประโยค ธเรษตรีเห็นแววแห่งความกังวลพาดผ่านในแววตา
เพราะหากเป็นเช่นนั้น อย่างเช่นในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด…คนที่อยู่กดชนวนจะต้องไม่รอดชีวิต
นักทำนายผู้มีโชคชะตาแห่งการพิพากษาได้แต่ภาวนาให้เรื่องนี้ยุติลงโดยไม่มีคนตาย ทว่าเหตุการณ์ผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นคงไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้แน่! มันคงไม่ง่ายเหมือนกับที่องค์การนาซ่าวางแผน
พลัน! ธเรษตรีรู้สึกสังหรณ์อย่างรุนแรงในบัดดลนั้น?
บางอย่างที่กระตุ้นเตือน เธอต้องรีบห้ามเหล่านักบินอวกาศที่กำลังกลับลำกระสวยเพื่อมุ่งสู่ดาวเคราะห์น้อยคาทาสอีกครั้ง
แต่มันคืออะไร? มีเหตุผลอันใดที่จะห้ามพวกเขา?…หรือเธอมีความคิดที่ดีกว่านั้น!?
เบื้องหน้าของเดอะโฮป ห่างออกไปไม่เท่าไร บัดนี้ดาวเคราะห์น้อยที่ฤทธิ์คงไม่น้อยอย่างชื่อ...ดาวเคราะห์มฤตยูลอยตระหง่านอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง คงไม่มีนักบินอวกาศคนใดคาดคิดว่าจะต้องกลับลงไปเหยียบที่พื้นผิวดาวอีกเป็นคำรบสอง
ยี่สิบห้าชั่วโมงสามสิบเอ็ดนาที!
นั่นคือตัวเลขตรงจอขวาบนของโทรทัศน์ มันแสดงเส้นตายที่ต้องทำการระเบิดก่อนจะหมดเวลา...ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครหยุดยั้งเพลิงแห่งอาญาสวรรค์ได้!
ใกล้ดาวเคราะห์คาทาสเข้าไปทุกขณะ เดอะโฮปชะลอลดความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้ ทุกคนที่อยู่ตรงแยกประตูน้ำ ไม่สิ! อาจเป็นทุกคนในโลกที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์ ไม่มีใครเลยที่สามารถกะพริบตาได้ และด้วยความตื่นเต้นระคนลุ้นระทึกจึงก่อบังเกิดความเงียบอย่างน่าประหลาด...เงียบเสียจนได้ยินกระทั่งเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ของคนที่อยู่ห่างออกไป ทว่าในความเงียบอันน่าพิศวงนี้ เด็กสาวนักทำนายกลับได้ยินเสียงเต้นเร็วรัวยิ่งกว่ากลองศึก
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงหัวใจคน!
มนุษย์ทุกผู้ปิดปากเงียบเกร็งด้วยอาการลุ้นระทึก ทว่าเสียงหัวใจกลับเต้นระรัวต่างจากท่าทางภายนอกนัก
พลัน! ความรู้สึกบางอย่างวาบขึ้นตามรูขุมขนของเด็กสาวนักทำนาย
สังหรณ์อภิญญากำลังร่ำร้องเตือนภัย!?
“อย่าเข้าไป!” ธเรษตรีตะโกนสุดเสียงจนคนที่ยืนรอบ ๆ สะดุ้งเฮือกหันมามอง ทว่ายังไม่ทันที่ใครจะได้ถามไถ่
บรึม!
กัมปนาทดังผ่านจอโทรทัศน์ที่จริง ๆ แล้วสัญญาณดีเลย์ไปราวสิบวินาที ภาพสัญญาณที่ถ่ายทอดผ่านทางกล้องที่ติดตั้งไว้บนเดอะโฮป
จุดหนึ่งบนดาวเคราะห์เกิดระเบิด!
“หัวรบระเบิด! แต่แค่จุดเดียว!?” ใครคนหนึ่งบนกระสวยอวกาศร้องออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ธเรษตรีจำได้ว่าเป็นเสียงของกัปตันหัวหน้านักบิน
ภาพตรงหน้า กลุ่มควันรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่บานออกจากพื้นผิว เด็กสาวเห็นได้ชัดว่าระเบิดที่ทำงานเพียงลูกเดียวกำลังบิส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ให้แตกออกมา และส่วนที่ว่าเริ่มแตกกระจายเป็นชิ้น ๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง
“ระวัง!” ธเรษตรีร้องเสียงหลง
ภาพที่ผ่านจอโทรทัศน์ ท่ามกลางพายุหินที่พุ่งออกจากดาวเคราะห์ ก้อนหินขนาดมหึมากำลังพุ่งตรงดิ่งเข้าหากระสวยแห่งความหวัง
แม้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าไม่มีใครสามารถหักเลี้ยวหลบยานได้ทัน
เสียงนักบินคนหนึ่งกรีดร้องลั่น ขณะที่คนอื่น ๆ ได้แต่นิ่งตะลึงมอง
…แล้วภาพทั้งหมดก็ดับลง
สถานีรีบตัดไปยังพิธีกรรายการทันที และเมื่อตัดไปก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระทั่งผู้ทำหน้าที่สื่อมวลชนเองก็ยังนั่งอ้าปากค้างไม่ต่างจากชาวบ้านที่รับชมโทรทัศน์สักเท่าไร
เมื่อได้สติ พิธีกรจึงพยายามพูดเพื่อถ่วงเวลา ทั้งพยายามทำให้ผู้ชมทางบ้านไม่ตื่นตระหนกมากไปกว่านี้
ความสับสนดำเนินไปอีกเกือบชั่วโมง คำตอบจึงปรากฏ
ภาพถูกตัดไปยังทำเนียบขาว สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกคือใบหน้าของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ‘ริชาร์ด แอล. นิกเกอร์สัน’...สีหน้าของท่านไม่ค่อยจะสู้ดี
“พี่น้องอเมริกันชนทุกท่าน รวมถึงพี่น้องชาวโลกที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ครั้งนี้ร่วมกัน ผมรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่จะกล่าวในสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดไม่แพ้ใบหน้า
“ตามที่ทุกท่านได้เห็นจากจอโทรทัศน์เมื่อสักครู่ ปฏิบัติการทำลายดาวเคราะห์คาทาสเกิดอุปัทวเหตุผิดพลาดขึ้น ซึ่งเราเองก็ไม่อาจทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร” ประธานาธิบดีหยุดเว้นวรรคนิดหนึ่ง ถึงตอนนี้ผู้คนที่แยกประตูน้ำต่างพากันเงียบกริบ กระทั่งคนขับรถบนถนนยังต้องจอดเพื่อลงมาดู
ธเรษตรีรู้ดีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ ‘เดอะโฮป’ น่าจะเกิดจากอำนาจลึกลับเหนือความคาดหมายของเหล่ามวลมนุษย์
และนั่นหมายความว่าหน้าที่แห่งการพิพากษา
...ยังต้องตกอยู่ในมือเธอ!
“อุบัติเหตุที่เกิดกับกระสวยอวกาศ เดอะโฮป” ท่านนิกเกอร์สันเริ่มกล่าวอีกครั้งหลังจากเงียบไปอึดใจใหญ่
“ตอนนี้เราคิดว่ากระสวยอวกาศ เดอะโฮป…น่าจะถูกชนจากเศษหินที่ระเบิดออกมา” สิ้นคำพูด ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาของเหล่าสื่อมวลชนแทบจะในทันที
ท่าน ริชาร์ด แอล. นิกเกอร์สัน รอให้เสียงในห้องแถลงการณ์ซาลงจึงเริ่มกล่าวต่อ
“และนอกจากข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับเหล่าวีรบุรุษ วีรสตรีแล้ว ผมจำต้องแจ้งข่าวร้ายให้ท่านทราบอีกสองข้อ” สิ้นประโยค ทั่วทั้งห้องเงียบเป็นเป่าสาก
“ข้อแรก…การระเบิดของหัวรบนิวเคลียร์เพียงหนึ่งหัวไม่สามารถเบี่ยงเบนทิศทางของดาวเคราะห์คาทาสได้ มันยังตรงดิ่งมาสู่โลกด้วยความเร็วที่ไม่แม้แต่จะช้าลง!” เพียงข่าวร้ายข้อแรกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ธเรษตรีก็สามารถรับรู้ถึงจิตใจของเหล่ามนุษย์ผ่านทางพรสวรรค์อภิญญา
ความกลัว ความสิ้นหวัง ความระทมทุกข์ ทั้งหมดกำลังแผ่ซ่านจากหัวใจทุกดวงที่อยู่รอบตัวเธอ
“อย่างไรก็ตาม แม้ดาวเคราะห์จะตรงดิ่งมายังโลก แต่สหรัฐอเมริกา สหภาพอี.ยู. จีน รวมถึงประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ในโลกต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเมื่อดาวเคราะห์เข้ามาใกล้ในระยะประชิด พวกเราก็จะช่วยกันระดมยิงอาวุธนิวเคลียร์เข้าใส่…ผมหวังว่าบางทีอาจช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้” ประโยคสุดท้ายเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน อีกทั้งการเหลือบสายตามองลงต่ำของท่านนิกเกอร์สันก็แสดงให้ทุกคนรับรู้ในใจได้ว่า
แผนสองที่เตรียมไว้ไม่น่าจะได้ผล!
ธเรษตรีรู้ดีแม้ไม่ใช่นักดาราศาสตร์ เพราะหากสามารถเบนวิถีดวงดาวได้โดยการยิงทำลายจากเปลือกนอกแล้ว คงไม่จำเป็นต้องลงทุนขึ้นไปขุดหลุมบนนั้น
ทำลายจากเปลือกนอก…ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดมหึมา มันก็คงเหมือนกับเอาหนังสติ๊กไปดีดใส่รถถังหุ้มเกราะ
หนำซ้ำเถ้าถ่านจากปฏิกิริยานิวเคลียร์อาจยิ่งซ้ำเติมโลกให้ย่ำแย่ลงไปอีก…แต่กระนั้นธเรษตรีก็รู้ดีว่าไม่มีหนทางอื่นใดที่ดีไปกว่าทางเลือกนี้อีกแล้ว
“ส่วนข่าวร้ายอีกประการหนึ่ง” ท่านนิกเกอร์สันกล่าวต่อ
“เศษหินที่หลุดออกมาจากการระเบิดของนิวเคลียร์ลูกแรก…คาดว่าส่วนที่มีขนาดใหญ่น่าจะมีราวสองหมื่นชิ้น…ทั้งหมดกำลังเดินทางมายังโลกด้วยความเร็วราวกับเครื่องบินไอพ่น” ประธานาธิบดีกัดฟันพูดจนเกือบจะเป็นเสียงที่รอดผ่านไรฟัน
นักข่าวทั่วห้องส่งเสียงฮือฮาจนท่านนิกเกอร์สันต้องยกมือขึ้นปราม
“สองหมื่นชิ้นที่ว่ามีขนาดที่แตกต่างกัน ผมหวังว่ามันจะสลายไปบ้างในชั้นบรรยากาศ หากแต่ถ้าสามารถหลุดลงมาถึงพื้นผิวโลกได้แม้เพียงขนาดเท่าลูกบาสฯ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นเหมือนเมื่อหลายวันก่อนในตอนเหนือของอเมริกาและแคนาดา”
“จุดปะทะล่ะคะ? ท่านทราบไหม?” ผู้สื่อข่าวคนไหนไม่รู้ทนไม่ไหวยกมือขึ้นพร้อมตะโกนถาม
“น่าจะทวีปเอเชีย...มากกว่าหมื่นลูกจะตกที่ประเทศจีน และบางส่วนอาจจะกระจายหลุดลงไปถึงประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ เช่น พม่า อินเดีย ไทย มาเลเซีย ก็อาจจะได้รับผลกระทบ”
สิ้นประโยคที่ถ่ายทอด ผู้คนที่แยกประตูน้ำพากันกรีดร้อง บางคนเป็นลมเอาดื้อ ๆ บางส่วนรีบวิ่งหนีขึ้นรถ ขณะที่หลายคนได้แต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก
“หลังจากนาทีนี้…ราวหกชั่วโมง พายุอุกกาบาตกลุ่มแรกก็จะเข้าปะทะโลก และถัดไปอีกสิบแปดชั่วโมงก็จะเป็นเวลาที่ดาวเคราะห์คาทาสเข้าใกล้โลกจนเลย ‘เส้นตาย’ ที่กำหนดไว้”
“และเมื่อผ่านเวลาเส้นตายแล้ว ความเร็วของคาทาสก็จะเพิ่มขึ้นมากจากแรงดึงดูดของโลก หลังจากนั้น อีกแค่สองชั่วโมงเราก็จะสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า” ท่านนิกเกอร์สันได้แต่บอกเล่าสิ่งที่ตนเองรับรู้จากทีมงาน ทว่าหาได้มีทางออกไม่
มันเป็นสถานการณ์สิ้นหวังที่รออยู่เบื้องหน้า!?
“จากนี้ไปผมขอประกาศเคอร์ฟิวล์ในทุกพื้นที่ของประเทศ กองกำลังทหารจะมีอำนาจสูงสุดและใช้กำลังเด็ดขาดเพื่อปราบปรามการก่อจลาจล กระผมขอให้ทุกประเทศเฝ้าระวังสถานการณ์ของตัวเองอย่างใกล้ชิด”
“สุดท้ายนี้ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองเหล่ามวลมนุษย์” เป็นประโยคสุดท้ายของริชาร์ด แอล. นิกเกอร์สัน ก่อนที่จะเดินเข้าหลังม่านไปโดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม
พระเจ้าทรงคุ้มครอง? ธเรษตรีนิ่งงันกับประโยคนี้
มนุษย์เอยจะรู้ไหมว่า ‘พระเจ้า’ ที่พึงวิงวอนนั่นเองที่ไม่อาจอดทนต่อความโฉดชั่วของหมู่มวลมนุษย์
แม้พระองค์จะส่งทูตสวรรค์มากมายเพื่อชี้ทางสว่างแก่ผู้ขลาดเขลา ทว่ากลับหามีใครสนใจไม่ มนุษย์ยังคงประกอบกรรมชั่วมากมาย เข่นฆ่าย่ำยีสรรพสัตว์ ผิดศีลประเวณี ประกอบกิจกามไม่ละเว้นแม้ลูกเมียผู้อื่น อีกทั้งยังทำลายแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
ทำร้ายไม่เว้นแม้กระทั่งโลกที่ได้พักพิงพึ่งพาอาศัย
โลกาคงถึงกาลแตกดับหากมนุษย์ไม่หยุดยั้งการกระทำอันเลวร้าย ฤๅพระเจ้าทรงเห็นการณ์ไกล พระองค์จึงส่งดาวดับไร้แสงเร้นผ่านม่านดำอนธการเพื่อการนี้
ในที่สุดดาบแห่งเพลิงสวรรค์ซึ่งก็คือดาวเคราะห์ ‘คาทาส (Catas)’ จึงได้ถูกปลดปล่อยออกจากหัตถ์ของพระองค์…มันคือห้วงเวลาแห่งการชำระล้าง
มันคือวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายและสิ้นหวังที่สุดของหมู่มวลมนุษย์
เวลาแห่งโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้า (Catastrophe)!