รถศึกงามแกร่งกล้า อัศวิน
พลีร่างเพื่อแผ่นดิน ย่อมได้
ถึงตายไม่แม้ริน ไหลหลั่ง น้ำตา
ขอแต่เพียงสู้ให้ ทั่วหล้า สรรเสริญ
ใครทำนายเปิดได้ รถศึก
ขอบอกจงเตรียมนึก ต่อสู้
อีกทั้งตั้งจิตระลึก ตัวท่าน นั้นแล
เพียงหนึ่งเดียวจงรู้ จักต้องพึ่งตน
บทรถศึก (The Chariot)
การจราจรยามเย็นบริเวณแยกประตูน้ำช่างแออัดยิ่งนัก สาวน้อยนักพยากรณ์ในชุดสีดำนั่งอยู่ ในร้านทำนายที่อยู่บริเวณแยกใหญ่ใจกลางเมือง อุปกรณ์ในห้องมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ และที่วางอยู่บนโต๊ะก็มีเพียงป้ายสำหรับเชิญชวนลูกค้าเท่านั้น
ค่ำคืนนี้ไม่มีแขกเข้าเยี่ยมร้านเลยสักคน ฤๅอาจเป็นเพราะสังคมสมัยใหม่ที่ตราหน้าศาสตร์แห่งการพยากรณ์ว่าเป็นเรื่องงมงาย ทั้งที่ความจริงแล้วยังมีผู้คนอีกมากที่ยังศรัทธาและต้องการกำลังใจจากวิชาโหราศาสตร์
เพียงแต่การเข้ามา ‘ดูหมอ’ ในที่โล่งแจ้งหน้าห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองอาจจะไม่มีใครกล้าหาญเพียงพอ ยิ่งกว่านั้นการพยากรณ์กับ ‘หมอดู’ ที่อายุน้อยเช่นเธอนั้นยิ่งแล้วใหญ่ คุณตาคุณยายก็เคยเตือนเอาไว้ ทว่าเธอก็ยังยืนยันความคิดที่ต้องการเปิดร้านทำนายไพ่ให้จงได้
ธเรษตรีปักใจว่าการทำนายไพ่ทาโรต์นี้จะสามารถฟื้นความทรงจำที่ขาดหายไป แม้ไม่มีสิ่งพิสูจน์สนับสนุนหรือรองรับแต่เธอก็ยังเชื่อมั่นอย่างที่ไม่สามารถมีใครทัดทาน
และหนึ่งในเหตุผลของความเชื่อนั้นก็คือในอุบัติเหตุครั้งที่ต้องสูญเสียบุพการี พลเมืองดีพบตัวเธอที่กระเด็นหลุดออกนอกรถซึ่งทำให้รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ พลเมืองดีพบว่าสิ่งอยู่ในมือของเธอในตอนนั้น
...คือไพ่ทาโรต์สำรับนี้!?
“โอ๋...อาราย ๆ มีหมอดูตรงนี้ด้วยเรอะ...” เสียงอ้อแอ้ของผู้ชายดังขึ้นทำให้เจ้าของร้านทำนายตื่นจากห้วงคำนึงและเงยหน้าขึ้นมอง ซึ่งก็พบชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนเซ ๆ อยู่เบื้องหน้า บางทีเขาอาจจะดื่มเบียร์จากลานเบียร์ที่อยู่ตรงข้ามของฝั่งถนน
“อารายเนี่ย ? แก้ไขปัญหาชีวิตด้วยไพ่ทา...ทา...อะไรวะ” หนุ่มขี้เมาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้สำหรับแขก เขาพยายามอ่านป้ายที่วางบนโต๊ะ
“ไพ่ทาโรต์ค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อ๋อ...รู้จัก ๆ ไพ่ยิปเซียม เคยดู ๆ ” ชายหนุ่มอ้อแอ้ เขาเมาจนไม่รู้ว่าตัวเองพูดคำว่ายิปซีผิดเป็นยิปเซียม ซึ่งธเรษตรีก็ไม่ได้ถือสาอะไร
“แก้ไขปัญหาชีวิตด้วยไพ่ทาโรต์เพียงหนึ่งใบค่ะ พี่สนใจจะดูไหมคะ” สาวน้อยนักทำนายพยายามชักชวน
“ถุย! อะไรวะ ? แก้ปัญหาด้วยไพ่” หนุ่มขี้เหล้าสบถดัง ๆ พร้อมทำกิริยาน่ารังเกียจด้วยการถ่มน้ำลายลงบนพื้น กระนั้นธเรษตรีก็ยังทำหน้าเฉย ๆ ด้วยเพราะเคยเจอกิริยาดูถูกยิ่งกว่านี้มาแล้ว
“น้องคิดว่าไพ่ทา...ทาอะไรนั่นน่ะ จะแก้ปัญหาของพี่ได้จริง ๆ เรอะ” ชายหนุ่มขี้เมาเถียงลิ้นพันกันด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในกระแสเลือด
“คิดว่าได้ค่ะ” น้ำเสียงจริงจังจากผู้พยากรณ์
“หา! จริงเหรอ...เอ้า! เอาสักตั้ง น้องเอามาให้พี่เลือกสิ ใบเดียวใช่ไหม” เสียงชายหนุ่มฟังง่ายขึ้นมานิดหนึ่ง ดูท่าทางเขาจะสร่างเมาขึ้นบ้างเล็กน้อย
“เลือกทันทีไม่ได้ค่ะ ต้องมีขั้นตอนของการทำนาย” ธเรษตรีอธิบาย
“วะ ? เรื่องมากจริงเว้ย! เอ้า...คนเมาเจอคนบ้าว่ะ เอากะมันหน่อย แล้วคิดเท่าไร ค่าทำนายน่ะ” ว่าที่ลูกค้ารายแรกของวันถาม
“แล้วแต่พี่จะให้ค่ะ อ้อ! จะมาจ่ายทีหลังก็ได้นะคะ หลังจากปัญหาพี่ได้รับการแก้ไขแล้ว” เด็กสาวตอบยิ้ม ๆ อย่างไม่ถือสาชายผู้ร่ำสุรา
“เออ! บ้าจริง ๆ เว้ย! แล้วขั้นตอนจะให้ทำยังไง...ว่ามา” ขี้เหล้าถามพลางสลัดศีรษะแรง ๆ เพื่อไล่ความมึนงง
“ไม่ยากค่ะ แค่พี่เล่าเรื่องความทุกข์ที่ต้องการแก้ไขให้หนูฟังเท่านั้นเอง”
“เฮ้ย! เอาจริงเรอะ!?” ผู้เป็นแขกรายแรกของวันร้องเสียงหลง คำตอบของนักพยากรณ์เล่นเอาชายหนุ่มเกือบหายเมาเมื่อได้ยินขั้นตอนประหลาด ๆ ของการทำนาย
“จริงค่ะ มีวิธีเดียว” เด็กสาวตอบเรียบ แววตาเปล่งประกายสีดำลึกลับ
“เอาก็เอา..ฟังนะ เห็นอย่างนี้นะ จริง ๆ แล้วผมน่ะเป็นผู้จัดการดารา คุณเมย์...เมลิสสาน่ะรู้จักไหม” ชายหนุ่มเริ่มต้น ตอนนี้เขาสร่างเมาไปมาก ยิ่งกว่านั้นตัวชายหนุ่มเองยังแปลกใจที่ไม่เห็นเด็กสาวตรงหน้าตื่นเต้นกับคำว่า ‘ดารา’ ซึ่งแตกต่างจากวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป ยิ่งนามที่กล่าวนั้นเป็นชื่อของซูเปอร์สตาร์ที่กำลังเจิดจรัสด้วยผลงานและฝีมือ น้อยคนที่จะไม่รู้จัก
“... ตอนนี้คุณเมย์กำลังเป็นทุกข์” เสียงชายหนุ่มแฝงด้วยความเศร้า
“คุณเมย์รักอยู่กับเพื่อนชายในวงการ ทั้งคู่ปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ แต่ผมรู้ว่าเป็นเรื่องจริง นั่นเพราะเคยเห็นเขาอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ” น้ำเสียงอ้อแอ้ฟังแปร่ง ๆ เหมือนกำลังกล้ำกลืนความรู้สึกบางอย่างลงในลำคอ
ขี้เมาที่เริ่มสร่างไม่เห็นเด็กสาวผู้พยากรณ์จะว่าอย่างไรนอกจากเริ่มสลับไพ่ในมือ เขาจึงเล่าต่อเนื่อง
“ทีนี้มันมีปัญหา...ไอ้พวกปาปารัชชี่!” ประโยคและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ ประหนึ่งของรักถูกทำให้แปดเปื้อน
“พวกมันแอบถ่าย! มันเผยแพร่รูปตอนที่เขาทั้งสองคนนั่งคุยกันแล้วเขียนข่าวอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ตอนนี้คุณเมย์ถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้”
“บางที...บางทีคุณเมย์อาจถึงกับลาวงการ”
“ผมรู้นิสัยของคุณเมย์ดี จริง ๆ แล้วเธอน่าจะอยากอยู่กับคนรักเงียบ ๆ แบบไม่เป็นข่าว” ความขมขื่นเจือในน้ำเสียงอย่างเห็นได้ชัด
“เอ้า! นี่ล่ะความทุกข์ มาสิจะช่วยแก้ไขยังไงก็ทำนายมา” ชายขี้เมาเล่าจบก็รีบทวงสัญญาที่จะทำนายถึงวิธีแก้ปัญหา
“จบแล้วเหรอคะ ?” ประโยคแรกจากปากเด็กสาวเจ้าของร้านหลังจากที่เงียบฟังแขกผู้มาเยือนเสียนาน
“เออ...จบแล้ว รีบ ๆ ทายมา”
“แต่ที่คุณเล่าน่ะ ยังไม่ใช่ ‘ปัญหาที่กำลังทุกข์ใจ’ อยู่นี่คะ”
“คุณรู้จิตใจของตัวเองอยู่แล้ว คุณควรเล่าปัญหาที่แท้จริงออกมาจะดีกว่าค่ะ” เป็นน้ำเสียงเรียบหากแฝงด้วยพลังอันลึกลับ
คราวนี้ชายขี้เหล้าสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เห็นแววตาสีดำของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นนัยน์ตาที่มืดมนราวกับหลุมดำที่สามารถดูดกลืนได้ทุกสรรพสิ่ง ราวกับความมืดมิดจากดวงตาจะสามารถสาดแสงทะลวงได้ถึงจิตไร้สำนึกของตัวเขา
“จะ...จบแล้ว เร็ว ๆ รีบทำนายมา” ชายหนุ่มหลบสายตาพร้อมกับตัดบท
“งั้นเชิญเลือกไพ่ออกมาหนึ่งใบด้วยมือซ้าย จากนั้นพลิกดูด้านหน้า” นักทำนายวางไพ่ที่สลับลงบนโต๊ะ ไพ่ทาโรต์ถูกคลี่กระจายในลักษณะคว่ำหน้าเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
หนุ่มผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวหยิบไพ่ออกมาใบหนึ่งพร้อมกับพลิกออกดูด้านหน้าตามขั้นตอนของการพยากรณ์
ไพ่ใบที่เลือกถูกวาดขึ้นอย่างประณีตบรรจงราวกับฝีมือของยอดจิตรกร มันงดงาม ลักษณะดูเหมือนจะไม่ได้ใช้เครื่องพิมพ์ทันสมัยใด ๆ ในการผลิต
ด้านหน้าของไพ่ใบที่ชายหนุ่มเลือกขึ้นมา เป็นรูปอัศวินเกราะเงินที่นั่งอยู่บนรถเทียมม้าซึ่งใช้สำหรับออกศึกในช่วงยุโรปยุคกลาง
มันคือภาพรถศึก!
ส่วนด้านล่างของรูปปรากฏคำจารึกเป็นภาษาอังกฤษที่มีความหมายตรงกับรูปวาด
The Chariot … ไพ่รถศึก!!
“ไพ่ใบนี้หมายถึง...” ชายหนุ่มถาม น้ำเสียงของเขาฟังได้ชัดเจนแสดงได้ถึงอาการเมาที่สร่างซาจนหมดสิ้น
“ไพ่นี้คือรถศึกของอัศวิน นักรบผู้ไม่ย่อท้อต่อปัญหาใด ๆ อัศวินผู้ทระนงจะบุกตะลุยไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เป้าหมายเพียงเพื่อชัยชนะในสงคราม...หรือนั่นก็คือปัญหาที่แท้จริงซึ่งบุคคลผู้นั้นกำลังเผชิญอยู่” คำอธิบายมาก่อนที่คำถามของชายหนุ่มจะจบลงเสียอีก
คราวนี้ผู้จัดการดาราถึงกับเงียบ เขารู้ดีว่าปัญหาที่แท้จริงนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเล่าให้นักพยากรณ์แปลกหน้าฟังสักนิด
กระนั้นคำตอบของการทำนายกลับมีเหตุผลเหนือจิตใจของเขาเสียเหลือเกิน
“อะ...อะไรกัน ? พูดไร้สาระ! พี่ให้ค่าเสียเวลาร้อยเดียวล่ะกัน เฮ้อ!...ไร้สาระจริง ๆ” หนุ่มขี้เมาวางเงินลงที่โต๊ะก่อนที่จะรีบลุกออกมา เขาไม่อยากนั่งอยู่ที่ตรงนั้นอีกต่อไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดกำลังคุกคามจิตใจเขา
…
…
…
กริ๊งงงงงงงงง !!!
เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าดังลั่นทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากนิทราด้วยความไม่เต็มใจ วันวานเขาร่ำสุรามากเกินไป หนำซ้ำยังไปคุยพล่ามเรื่องที่ไม่ควรจะเล่ากับนักพยากรณ์ท่าทางประหลาด ๆ แน่นอนว่าน่าจะเป็นพวกต้มตุ๋นเสียมากกว่าของจริง
ทว่าลึก ๆ ภายในใจกลับคัดค้าน
ด้วยเพราะไพ่ ‘รถศึก’ ที่ได้เลือกออกมานั้น ทั้งรูปภาพ ทั้งคำพยากรณ์ได้เวียนวนอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลับได้ไม่เต็มตานัก
หลังจากเสร็จธุระยามเช้า ชายหนุ่มรีบแต่งตัวเพื่อไปทำงานที่บริษัท ซึ่งงานของเขาก็คือการดูแลและบริหารตารางเวลาของนักแสดงสาวดาวรุ่งจรัสแสง ‘เมลิสสา’ นั่นเอง
ระหว่างทางที่มุ่งสู่บริษัทภาพยนตร์ชื่อดัง ห้วงคำนึงของชายหนุ่มผู้จัดการเฝ้าวนเวียนอยู่ที่ ‘เมลิสสา’ อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมต้น เขาไม่คิดว่าเพื่อนกลุ่มเดียวกันในสมัยเด็กจะโดดเด่นโด่งดังได้ถึงเพียงนี้
แต่ถึงจะเป็นอย่างไร...จากวันนั้น
...จนวันนี้ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเมย์ก็ไม่เคยเปลี่ยน
ผู้คนมากมายยืนออกันอยู่ที่หน้าบริษัทภาพยนตร์ ส่วนมากเป็นนักข่าวสังเกตได้จากแสงแฟลชวูบวาบสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ
“เฮ้ย! ผดุง แย่แล้วว่ะ” เพื่อนสนิทวิ่งมาหาทันทีเมื่อเห็นหน้า
“มีอะไรวะ ?” ผดุง ผู้จัดการส่วนตัวของเมลิสสาถามด้วยความสงสัย
“ดาราเอ็งสิวะ คุณเมลิสสาน่ะ”
“ทำไม! มีอะไร ?” สีหน้าของชายหนุ่มเผือดลงทันทีเมื่อรับรู้ว่าเรื่องยุ่ง ๆ ยามเช้าเกี่ยวข้องกับเมลิสสาผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและดาราในความดูแล
“คุณเมย์เขาอยู่ในกองทัพนักข่าวนั่นแหละ ออกมาไม่ได้…คือเมื่อวานมีพวกปาปารัชชี่ไปแอบถ่ายได้ว่าคุณเมย์นัดไปกินข้าวกับพี่วิวน่ะสิ” ผดุงรู้สึกเสียวแปลบในอกด้วยความรู้สึกบางอย่าง คุณวิวเป็นพระเอกรุ่นพี่ในบริษัทเดียวกัน แม้ผดุงจะเห็นว่าทั้งคู่สนิทสนมกันมากแต่ก็ไม่ได้ตักเตือนอะไรเนื่องเพราะคุณวิวเองก็เป็นผู้ชายที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง
เพียงแต่ภาพข่าวที่ปรากฏ นักข่าวที่รุมล้อมยิงคำถามราวกับสุนัขป่าที่เห็นเหยื่อ...เมย์คงไม่ชอบ
แล้วในตอนนี้ผู้จัดการอย่างเขาจะทำเช่นไร ?
อะไรเล่าที่สามารถทำได้ ?
‘ไพ่นี้คือรถศึกของอัศวิน’
แว่วเสียงคำทำนายในมโนสติ ใช่! ตอนนี้ไม่มีใคร คุณวิวก็ไม่อยู่แถวนี้ ดังนั้นคนที่ปกป้องเมย์ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ผดุงวิ่งตรงไปยังกลุ่มนักข่าวทันที เขาวิ่งออกไปเต็มเหยียด รวดเร็วจนไม่ทันแม้ได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมงานที่ตกใจร้องด้วยความงุนงงในการกระทำของชายหนุ่ม
กลุ่มนักข่าวเบื้องหน้าแออัดยัดเยียด ชายหนุ่มพยายามแหวกฝูงชนที่รุมล้อม
เขาพยายามอ้อนวอนบรรดากระจอกข่าวให้เปิดทาง กระนั้นหาได้มีใครใส่ใจไม่ แม้ชายหนุ่มจะร้องบอกแสดงตัวว่าเป็นผู้จัดการของเมลิสสา ดาราดังผู้ตกเป็นข่าว
ที่ใจกลางของกลุ่มที่มุงอยู่ ตรงกลางที่แสงแฟลชจากกล้องทุกตัวกำลังมุ่งไป กึ่งกลางของบรรดาไมโครโฟนและเทปบันทึกที่จ่อเตรียม
เมลิสสาของเขา...เมย์กำลังยืนน้ำตาคลออยู่
“ขอโทษครับ...ขอทางหน่อยครับ” ผดุงพยายามขอทางที่จะนำไปสู่หญิงสาวผู้เป็นทั้งเพื่อนทั้งดารา ทว่าหาได้มีใครสนใจหลีกทาง ทุกคนยังเบียดยื้อแย่งถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพข่าว
“เมย์!!” ผู้จัดการหนุ่มร้องลั่นอย่างสุดแสนจะทานทน มือเหยียดออกไปข้างหน้าสุดเอื้อม
“ผดุง” ดาราสาวร้องเรียกเขาทันทีที่เห็นใบหน้าของหนุ่มผู้จัดการ หยาดน้ำตาแห่งความทุกข์และความกดดันกำลังไหลย้อยอาบแก้ม
ทว่าบัดนี้ ที่ดวงตาสวยคู่นั้น หยาดน้ำอีกหนึ่งความรู้สึกกำลังเอ่อล้นเข้ามาแทน
มือของหญิงสาวเหยียดเอื้อมมาทางชายหนุ่ม
“เฮ้ย! อะไรวะ ลื้อเป็นใคร” นักข่าวใกล้ ๆ เบียดผดุงเซไปอีกทาง ปลายนิ้วของทั้งคู่เฉียดกันไปเพียงเสี้ยวองคุลี
กรอดดดดดด!… ชายหนุ่มกัดฟันอย่างแรงเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่น
‘ไพ่นี้คือรถศึกของอัศวิน นักรบผู้ไม่ย่อท้อต่อปัญหาใดๆ !!’
และปัญหาในตอนนี้คือเขาต้องพาเมย์ออกจากที่ตรงนี้ให้ได้เดี๋ยวนี้ แล้วอย่างอื่นค่อยมาว่ากันอีกที
คิดได้เช่นนั้น ผดุงจึงตัดสินใจผลักเข้าที่เอวของนักข่าวคนเมื่อครู่ แรงผลักเต็มกำลังทำให้ผู้สื่อข่าวไร้มรรยาทเซไปปะทะกับอีกหลายคนที่ยืนถัดไป
ในที่สุดก็มีช่องว่าง
ผู้จัดการดาราเอื้อมมือไปสุดเหยียดอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะโดนไล่ออกที่กระทำการหยาบคายเช่นนั้น บางทีอาจเป็นหน้าที่สุดท้ายของผู้จัดการดารา
และอาจเป็นหน้าที่ปกป้องเมย์ในฐานะผู้ชาย...เป็นครั้งสุดท้าย
มือทั้งสองสัมผัสกันในที่สุด ชายหนุ่มผดุงรีบออกวิ่งพร้อมกับจูงมือนางเอกสาวดาวรุ่งตามออกมาด้วย ใครจะว่าอย่างไรเขาไม่สนอีกแล้ว อย่างไรเขาคงถูกไล่ออกแน่ หากโชคดีบริษัทเข้าใจในตัวเขา อาจโดนเพียงแค่ถูก ‘เชิญออก’ เท่านั้น
ทั้งคู่วิ่งพ้นจากวงล้อมของนักข่าวท่ามกลางแสงแฟลชที่ถ่ายวูบวาบ แต่ผดุงไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่ามือเล็กที่แสนอ่อนนุ่ม มือน้อยที่มีค่าควรแก่การปกป้อง
ในใจของเขากำลังสวมวิญญาณนักรบผู้ทระนง และนี่คือการปกป้องเจ้าหญิงที่สูงส่งจนมิอาจเอื้อม
ผดุงและเมลิสสายืนหอบอยู่ในตัวตึก ตอนนี้ทั้งคู่หลบฝูงนักข่าวอยู่ที่ทางเดินด้านหลังอาคาร ด้วยความรีบร้อนที่วิ่งออกมาทำให้ทั้งคู่ยังไม่ได้เจรจาอะไรมากไปกว่าการยืนหอบแฮ่ก
พลันปรากฏร่างหนึ่งที่ทางเดินตรงหน้า
“คุณวิว” ผดุงพูดเมื่อเห็นร่างนั้นเต็มตา คุณวิวผู้เป็นพระเอกชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นคนรักของเมลิสสา...ในที่สุดก็หมดเวลาของอัศวิน
ต่อจากนี้...ก็เป็นเวลาของเจ้าชายแล้วสินะ
“คุณผดุงเก่งมากเลยครับ” เสียงนุ่มของคุณวิวช่างเหมาะกับบุคลิกของคนเป็นพระเอก
“ครับ แต่จากนี้ผมคงถูกไล่ออกแล้วล่ะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเหลือบตามองไปทางเมลิสสา ดาราในความดูแลที่กำลังจะกลายเป็นอดีต
‘คุณควรรู้แจ้งถึงจิตใจตัวเอง แล้วเล่าปัญหาที่แท้จริงออกมาจะดีกว่า’
‘ไพ่นี้คือรถศึกของอัศวิน นักรบผู้ไม่ย่อท้อต่อปัญหาใด ๆ อัศวินผู้ทระนงจะบุกตะลุยไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เป้าหมายเพียงเพื่อชัยชนะในสงคราม...หรือนั่นก็คือปัญหาที่แท้จริงซึ่งบุคคลผู้นั้นกำลังเผชิญอยู่’
จิตสำนึกของผดุงกระหวัดคิดถึงคำกล่าวของนักพยากรณ์เมื่อคืน...ใช่! ที่เขากำลังเผชิญอยู่ ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องนั้น
บางทีตอนนี้ เวลาที่เขากำลังจะสูญเสียทุกสิ่ง เขาอาจจะมีความกล้าเพียงพอ
อย่างน้อยขอความกล้าแม้เพียงน้อยนิดของอัศวินผู้ออกศึกโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้รอดกลับมาหรือไม่...ขอเพียงเศษเสี้ยวแห่งความกล้าเท่านั้น
ผดุงตัดสินใจเด็ดขาด เขาหันไปกล่าวกับคุณวิว พระเอกชื่อดัง
“คุณวิว ขอโทษนะครับ” ชายผู้สวมหัวใจนักรบกล่าวคำขอโทษ
จากนั้นชายหนุ่มจึงหันไปเผชิญหน้ากับเมลิสสา ผู้ที่เป็นปัญหาที่แท้จริงในใจเขา
“เมลิสสา” คำแรกที่เอื้อนเอ่ย
“คะ ?” สาวน้อยดารารับคำ สีหน้าของเธอแสดงความประหลาดใจ
“ผมรักคุณ...ผมรักเมย์มาตลอด...รักมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือแล้ว” น้ำเสียงสั่นระรัว หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม เท่านี้เขาก็จะจากเธอไปอย่างไม่มีห่วง
ฟุ่บ!
ดาราสาวโผเข้ามาในอ้อมกอดของผู้จัดการส่วนตัว ผดุงลืมตาโพลงด้วยความตกใจ ขณะที่ส่วนหางตาชำเลืองไปเห็นคุณวิวยิ้มยิงฟันก่อนที่จะโบกมือและค่อย ๆ ย่องออกจากที่ตรงนั้น
“เมย์...เมย์ร้องไห้เหรอ ?” ผดุงรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำอุ่น ๆ ที่หยดกระทบต้นแขน
ร่างในอ้อมอกพยักหน้า
“ผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจ” ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่ทำให้หญิงที่รักต้องเสียน้ำตา
“บ้า...รักเค้าแบบไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง” เสียงเง้างอนจากร่างบาง
“ก็...เอ่อ” ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบอย่างไร
“แล้วทำไมผดุงไม่รีบบอก” ร่างงามเงยสบตาเขา หยาดน้ำที่เห็นเป็นน้ำจากนัยน์ตาที่เปี่ยมด้วยความปลื้มปิติ
“ก็...ก็ คุณวิว” ผดุงหลบตาเมื่อนึกได้ว่าสาวคนรักมีเจ้าของอยู่แล้ว
“ตาบ้า! พี่วิวน่ะเหรอ แค่สนิทกันย่ะ ไม่ได้คิดเลยเถิด” น้ำเสียงเหมือนจะดุแต่ก็กลั้วด้วยเสียงหัวเราะสดใส
“อ้าว! ก็เห็นคุยกันบ่อย ๆ”
“อ๋อ...นั่นน่ะแค่พูดคุยปรึกษากัน อยากรู้ไหมล่ะว่าเรื่องอะไร” สาวน้อยถาม ผดุงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ
“ก็ปรึกษาเรื่องอีตาผู้จัดการทึ่มคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นดาราแอบหลงรักเขามาตั้งนานน่ะสิ” แก้มของคนพูดมีสีแดงระเรื่อแล่นเป็นริ้ว ๆ
“หมาย...หมายถึง ?” ผดุงละล่ำละลักเมื่อปะติดปะต่อเรื่องได้ เขาพูดติดอ่างจนต้องใช้มือชี้อกตัวเองแทนคำว่า ‘ผม’ ที่พูดต่อท้ายไม่ออก
พยักหน้าเป็นคำตอบของดาราสาว ก่อนที่ทั้งสองจะโผเข้าซบกันตราบนานเท่านาน
...
...
...
ธเรษตรีในชุดนอนลืมตาเบิกโพลงในแสงสลัวยามเช้าตรู่ เมื่อคืนที่ผ่านมาเด็กสาวฝันเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของลูกค้าหนุ่มผู้รับการทำนายและเขาได้เลือกไพ่รถศึก (The Chariot ) และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งที่เด็กสาวสามารถติดตามและรับรู้เรื่องราวของผู้รับการทำนายได้จากฝันนิมิต
และทั้งหมดล้วนตรงกับความเป็นจริง!
สิ่งประหลาดยิ่งกว่าก็คือ ทุกครั้งที่เธอทายไพ่ให้แก่ลูกค้า เสมือนสติสัมปชัญญะจะหลุดลอย แม้จะรู้ตัวอยู่ตลอด ทว่าสมองกลับมึนงงไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ราวกับผู้ทำนายไพ่...หมอดูผู้ที่ให้คำแนะนำกับลูกค้าเหล่านั้น
...จะไม่ใช่ตัวเธอ!?
ธเรษตรีสะบัดศีรษะไล่ความสงสัยจากหัว เด็กสาวหยิบรีโมททีวีขึ้นมาพร้อมกับเปิดสวิทช์เพื่อดูข่าวรับอรุณ
ภาพในจอกำลังถ่ายทอดบันทึกแถลงการณ์งานหมั้นของดาราสาวดาวรุ่งชื่อดังกับผู้จัดการส่วนตัว ธเรษตรียิ้มออกมาได้เมื่อเห็นภาพสุขสมหวังของคนทั้งสอง
นักพยากรณ์หยิบสำรับไพ่ทาโรต์ที่หัวเตียงขึ้นมาพิจารณานิดหนึ่งก่อนจะวางมันลงที่เดิม แม้เด็กสาวไร้ความทรงจำจะยังไม่สามารถขบคิดปริศนาของตัวเองออกได้ในตอนนี้ ทว่าอย่างน้อยการทำนายไพ่ก็สามารถสร้างความสุขและแก้ปัญหาให้ผู้อื่นได้
ธเรษตรียิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมองกลับไปยังภาพในจอโทรทัศน์อีกครั้งหนึ่ง