อัปเดตล่าสุด 2020-07-30 09:03:04

ตอนที่ 14 บทกลาง : บทผู้วิเศษ (The Magician)

พรสวรรค์อันเกิดพร้อม                 กายตน

เสมือนดุจเวทย์มนตร์                   ซ่อนไว้

ลึกลับดั่งมายากล                         ไร้คน เทียมเท่า

เปรียบผู้วิเศษไซร้                         แห่งไพ่มายา

 

บทกลาง : บทผู้วิเศษ (The Magician)

 

            ธเรษตรีหรี่นัยน์ตาด้วยเพราะแสงสว่างที่เจิดจ้า ดวงตะวันบนท้องฟ้าแผดรังสีรุนแรงจนทำให้ระคายเคืองดวงตาทั้งสอง กระนั้นในเวลานี้เด็กสาวรับรู้ได้ว่าเธอกำลังหลับฝัน...เธอกำลังอยู่ในห้วงแห่งนิทรา

และมันเป็นความฝันลึกลับ...อันต่อเนื่อง!

               นักพยากรณ์เหลียวมองรอบกายอันเต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่กำลังมอดไหม้ ทั้งเปลวไฟลุกโชน ทั้งแสงสีขาวจากตะวันไร้เมฆ ยิ่งทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้า โดยเฉพาะเมื่อหลบเร้นกายเข้าในเงามืด...อันเป็นเฉดสีดำที่ตัดกับสีขาวอย่างรุนแรง

               และที่แปลกประหลาดเหมือนความฝันประหลาดในทุกครั้ง

               พระอาทิตย์มีสองดวง!?

               นักทำนายสาวรู้ตัว...รู้ว่าตนเองชื่อ ‘ธเรษตรี’ หรือชื่อเล่นคือ ‘ฝน’ เธอพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงชีวิต ทว่าทุกอย่างในอดีต...เธอกลับลืมมันเสียจนสิ้น! และเหตุแห่งการหลงลืมนั้น เกิดจากการสูญเสียความทรงจำเนื่องด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์...และอุบัติเหตุดังกล่าวได้คร่าชีวิตของบุพการีที่เด็กสาวรัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยู่ในความดูแลของคุณตาคุณยายในเมืองหลวงกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรแห่งนี้

แม้ธเรษตรีอยากที่จะหวนคืนความจำที่สิ้นสูญ ทว่าเธอกลับใช้กรรมวิธีที่ไม่เหมือนใคร แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งคุณตายาย ทั้งแพทย์ผู้ดูแลก็หาได้ห้ามไม่ พวกเขาเพียงตักเตือนให้ระวังตัวเท่านั้น

และวิถีทางแห่งการคืนความจำในแบบฉบับของธเรษตรีก็คือ...การเป็นผู้พยากรณ์แห่งไพ่ทาโรต์!

เด็กสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเลือกวิธีนี้ อาจเป็นเพราะเธอเชื่อมั่นในไพ่ทาโรต์ลึกลับที่ปรากฏในคืนแห่งอุบัติเหตุ ซึ่งภายหลังธเรษตรีได้สอบถามเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน เธอพบว่าไพ่ที่เคยใช้เล่นพยากรณ์ก่อนการเกิดอุบัติเหตุ...เป็นเพียงไพ่กระดาษที่ขายตามร้านหนังสือทั่วไป

หาใช่ไพ่สำรับเก่าคร่ำคร่าที่ใช้ในปัจจุบัน!?

ด้วยเหตุนี้นักเรียนสาวมัธยมปลายจึงได้ผันตัวเองกลายเป็นนักทำนายไพ่หลังเลิกเรียน โดยเธอได้เช่าห้องคูหาเล็ก ๆ ไว้ที่บริเวณแยกประตูน้ำอันพลุกพล่านสำหรับเพื่อเปิดโต๊ะพยากรณ์

...ทว่าหลังจากที่เริ่มการทำนาย ธเรษตรีกลับพบเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นหลายอย่าง อย่างแรกก็คือขณะที่ทำนายไพ่ให้แก่ลูกค้า แม้เธอจะสามารถรับรู้สถานการณ์ทุกอย่าง ทว่ากลับไม่อาจควบคุมตัวเองได้แม้แต่น้อย...ราวกับมี ‘ธเรษตรีอีกคน’ เป็นผู้บงการทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ?

ซ้ำร้ายช่วงหลัง ๆ  ที่ผ่านมา มีสิ่งผิดปกติปรากฏมากขึ้น นั่นก็คือ ตัวเธอสามารถรับรู้ ‘จิตใจ’ ของผู้รับการทำนาย!

ใช่แล้ว! ธเรษตรีสามารถรับรู้ได้ถึง ‘ความมืด’ ในหัวใจของคนเหล่านั้น!? ...เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน จนเรียกได้ว่าเป็นการ ‘อ่านใจ’

นักพยากรณ์สาวถอนใจยาวเมื่อทบทวนมาถึงจุดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดกับลูกค้าผู้รับการทำนายนั้น เธอสามารถรับรู้ได้ผ่านทางจินตภาพลึกลับ...ส่วนมากปรากฏในรูปความฝันยามค่ำคืน และทั้งหมดทำให้เด็กสาวได้เรียนรู้ถึงจิตใจคนเหล่านั้น ได้รับรู้ผลกรรมที่ตอบสนองหากไม่สามารถตระหนักถึงความมืดในใจของตนเอง

กรรมสนอง?

ธเรษตรีขนลุกทั่วสรรพางค์กายเมื่อนึกถึงสองเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิต...เด็กสาวไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ รายแรกคือหญิงสาวผู้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล เธอผู้นั้นตั้งใจจะกำจัดนักกีฬาตัวจริงผู้เป็นทั้งคู่แข่งในด้านกีฬา ทั้งด้านความรัก เหตุการณ์ครั้งนั้นหญิงสาวตกตึกตาย และธเรษตรีจำได้ว่าตัวเธอไปปรากฏตัวในบริเวณที่เกิดเหตุ

อีกรายคือการลวงหลอก ซ้อนแผนของสามี - ภรรยาผู้มีชู้รัก คนทั้งสามหลอกลวงกันเองเพื่อมาปลิดชีวิตกันและกัน ครั้งนี้ธเรษตรีไปอยู่ที่ดาดฟ้าของตึกที่อยู่ตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ โดยเด็กสาวแน่ใจว่าตัวเธออีกคน...ธเรษตรีผู้อยู่ ‘ด้านหลัง’ เป็นคนส่งกระแสประสาท...หรือจะเรียกว่ากระแสจิตก็ตามแต่ กระแสพลังนั้นทำให้ฆาตกรหมดสติล้มลง

สิ่งผิดปกตินี้คืออะไร?

ยิ่งคิดยิ่งเข้าสู่วังวนที่ไร้ทางออก ธเรษตรีจึงตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อออกเดินไปตามหนทางข้างหน้า ซากปรักหักพังไหม้เกรียมราวกับโดนเพลิงกาฬแผดเผา บางส่วนยังกรุ่นด้วยเปลวไฟและควันดำ

 

สองเท้าสืบก้าวผ่านพ้นไปหลายเพลา นักพยากรณ์แห่งไพ่ทาโรต์เดินเรื่อยมาจนบรรลุถึงสถานที่แห่งหนึ่ง มันไม่ใช่ซากตึกที่โดนไฟไหม้อีกต่อไป หากแต่เป็นหมู่บ้านที่ดูชื้นแฉะและเขียวชุ่มด้วยตะไคร่น้ำ

...แม้จะกังวล แต่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เด็กสาวจึงสืบเท้าก้าวต่อไป

               ฝ่าเท้ารับรู้ถึงความชุ่มชื้น มันทั้งเปียกแฉะและเหนียวหนึบ มันเกิดจากการที่ผืนดินได้อุ้มน้ำไว้นานและแปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นโคลนตม ก้าวย่างแต่ละคราจึงลำบากและใช้แรงกำลัง อีกทั้งตลอดเส้นทางไม่พานพบแม้สักหนึ่งเงาชีวิต จะมีก็เพียงหมู่บ้านอันเต็มไปด้วยตะไคร่สีเขียวหนา นักทำนายพยายามตะโกนกู่เรียกหาผู้คนที่อาจจะอยู่ในบริเวณนี้ ทว่าหาได้มีเสียงขานรับไม่...มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวเท่านั้นที่เป็นคำตอบ

 

               ไกลเท่าไร นานเท่าไร...ไม่อาจทราบ ในที่สุดเด็กสาวได้บรรลุถึงอาคารที่ดูคล้ายเพิงกระท่อมซึ่งหากพิจารณาให้ถี่ถ้วน ก็จะพบว่าที่แห่งนี้ดูแปลกตากว่าบ้านเรือนที่ผ่านมา...นั่นเพราะร้านเล็ก ๆ เบื้องหน้าไม่มีตะไคร่เขียวเหมือนที่อื่น

            หรือจะมีคนอยู่?

               อย่างไม่รอช้า ธเรษตรีรีบสืบเท้าเข้าด้านใน หากได้พบเจอมนุษย์ เธอคงสามารถถามเรื่องราวอันเกี่ยวกับสถานที่อันแปลกประหลาดแห่งนี้ได้

               “มีใครอยู่ไหมคะ?” ประโยคแรกของนักพยากรณ์ เป็นทั้งคำถาม เป็นทั้งการทักทาย

               ความเงียบคือคำตอบ!?

               ธเรษตรีถอนใจยาว เธอลองตะโกนซ้ำอีกสองสามครั้งก็หาได้มีเสียงตอบกลับแม้สักคราว นักทำนายเตรียมจะหันหลังกลับเพื่อออกเดินต่ออย่างไร้จุดหมาย ทว่าหางตากลับเหลือบไปเห็นการเคลื่อนไหวในเงามืดของกระท่อม

               “ใครน่ะ...มีคนอยู่หรือคะ?” ธเรษตรีร้องถาม เด็กสาวแน่ใจว่าการเคลื่อนไหวนั้นเป็นเงาร่างของคน

               แทนคำตอบ ร่างลึกลับสืบเท้าออกจนพ้นเงามืด

               มนุษย์!?

               ร่างลึกลับในชุดสีดำที่สวมใส่ตั้งแต่ศีรษะจนจรดปลายเท้า ส่วนของใบหน้าถูกซ่อนไว้ภายใต้เงาดำของฮู้ดจนทำให้เด็กสาวไม่อาจมองเห็น

               “คุณเป็นใครคะ?” ธเรษตรีถอยหลังก้าวหนึ่งด้วยสัญชาตญาณระวังภัย

               ชุดดำไม่ตอบ แต่กลับเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ร่างนั้นเปิดลิ้นชักพร้อมหยิบบางสิ่งออกมา

               มันคือห่อผ้าสีดำ!?  

               นักพยากรณ์แห่งไพ่ทาโรต์พยายามเพ่งมองวัตถุที่ร่างลึกลับหยิบออกมา อย่างน้อยก็ขอยืนยันให้แน่ชัดว่าไม่ใช่อาวุธหรือวัตถุอันตราย...แต่เมื่อเพ่งมองดี ๆ แล้ว วัตถุทรงเหลี่ยมขนาดฝ่ามือในห่อผ้านั้นช่างดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน

               ผ้าดำถูกบรรจงคลี่กางออกบนโต๊ะ ธเรษตรีจึงสามารถมองเห็นสิ่งที่ถูกห่อหุ้มไว้

               กล่องไม้?

               ก่อนที่ธเรษตรีจะเอ่ยปากถามข้อสงสัย ร่างปริศนาก็เปิดฝากล่อง ภายในกล่องมีแผ่นกระดาษแข็งซ้อนทับกันอยู่หลายใบ ทุกใบถูกบุด้วยกำมะหยี่สีเลือดหมู จากนั้นคนลึกลับที่ไม่เผยให้เห็นแม้แต่ใบหน้าค่อย ๆ เริ่มสลับกระดาษแข็งเหล่านั้น

               เมื่อสลับเสร็จจึงคลี่ทั้งหมดกระจายลงบนโต๊ะในลักษณะคว่ำหน้า

               “เลือกหนึ่งใบด้วยมือซ้าย” เป็นประโยคแรกของคนชุดดำ สำเนียงฟังแล้วคุ้นหู

               ธเรษตรีเอื้อมมือซ้ายออกไป ในใจยังนึกฉงนว่าเหตุใดจึงต้องทำตามที่คนปริศนาผู้นี้บอกด้วย

               ใบหนึ่งถูกหยิบออกมา เด็กสาวสังเกตเห็นว่ากระดาษแข็งเหล่านั้นดูเก่าคร่ำคร่าทว่าเปี่ยมล้นด้วยมนตร์ขลัง และเมื่อพลิกดูด้านหน้า ธเรษตรีจึงจำได้ว่ากระดาษการ์ดเหล่านี้คือไพ่ทาโรต์

...และเป็นไพ่ทาโรต์ชุดเดียวกันกับที่เธอใช้ทำนายเพื่อพยายามฟื้นความทรงจำ!?

               และไพ่ที่เด็กสาวเลือกออกมา

               ไพ่ผู้วิเศษ...หรือ The Magician!

               หน้าไพ่เป็นรูปบุรุษเพศลักษณะเหมือนนักบุญในสมัยยุโรปยุคกลาง เหนือศีรษะมีวงแหวนเทพยดาประดับอยู่ ส่วนข้างกายมีวัตถุหลายอย่างวางไว้บนโต๊ะ ได้แก่ คทา ถ้วย ดาบและเหรียญ

               “ไพ่นี้หมายถึง?” ธเรษตรีถามร่างชุดดำหลังจากตั้งสติได้

               “หมายถึงอะไรนั้น เจ้าย่อมรู้แก่ใจ” เสียงเย็นเยียบจากริมฝีปากใต้ผ้าคลุมทำให้สาวน้อยนักพยากรณ์ขนลุกเอาดื้อ ๆ

               “รู้แก่ใจ?” ธเรษตรีทวนคำ

               “ใช่...เจ้าคุ้นเคยคลุกคลีอยู่กับการทำนาย ดังนั้นย่อมต้องรู้ความหมายของไพ่ผู้วิเศษใบนี้”

               “พรสวรรค์ไงล่ะ! พรสวรรค์แห่งการหยั่งรู้!? แต่น่าเศร้ายิ่งนัก ด้วยเพราะความสามารถพิเศษนี้เอง จึงทำให้ตัวเจ้า ‘ถูกเลือก’ มาทุกยุคทุกสมัย ” ขณะที่ร่างลึกลับพูด ธเรษตรีคล้ายกับจะเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม

               “หนู...เอ่อ ฉันนี่นะที่ถูกเลือก ไม่เข้าใจ?” ธเรษตรียิ่งงงหนักเข้าไปอีก

               “สักวัน! เมื่อ ‘วันพิพากษา’ มาถึง เจ้าจะเข้าใจด้วยตัวเอง...และแท้จริงแล้ว ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น”

วันแห่งการตัดสิน (Judgement Day) ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว”

               “คุณพูดอะไรน่ะ? ฉันไม่เข้าใจสักนิด แล้วคุณเป็นใครกัน?” ธเรษตรีกำลังสับสน เด็กสาวพยายามหาทางพิสูจน์เรื่องที่เกิดขึ้นโดยมุ่งเป้าไปที่ตัวจริงของร่างลึกลับตรงหน้า

               “ฉันน่ะหรือ...” ร่างนั้นหัวเราะในลำคอก่อนที่จะปลดผ้าคลุมศีรษะออก

               “ฉันน่ะ...ก็เธอไง!”

               ธเรษตรีสะดุ้งสุดตัว ขนอ่อนทั่วทั้งร่างลุกชันขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ความเย็นเยียบแผ่ขยายขึ้นจากปลายเท้ามายังส่วนศีรษะอย่างรวดเร็ว

               นั่นเพราะใบหน้าของร่างลึกลับในชุดดำนั้น

               มันคือใบหน้าของเธอ!…ร่างนั้นมีใบหน้าเสมือนเป็นคนเดียวกับเธอไม่ผิดเพี้ยน!?

               “กรี๊ดดดดดดดดด!” ธเรษตรีกรีดร้องด้วยความพรั่นพรึง เด็กสาวผละออกจากเพิงกระท่อมในทันที เธอวิ่งออกไปโดยไม่รู้จุดหมาย

 

 

               บนเนินเตี้ย ๆ ห่างจากกระท่อมที่เมื่อสักครู่ธเรษตรีได้พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดชวนขนลุก เนินดินนั้นสูงพอที่จะมองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้โดยรอบ บัดนี้ทางด้านบนของเนินดังกล่าวปรากฏร่างของชายชราสองคน คนหนึ่งสวมชุดสีขาวดูสะอาดและอ่อนไหวยามลมโชย ทว่าอีกคนใส่ชุดสีดำสนิท สีดำนั้นเข้มข้นและมืดมนราวกับความมืดแห่งรัตติกาลเดือนดับ

               และสิ่งที่แปลกประหลาด นั่นก็คือชายชราทั้งสองมีใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว!?…เหมือนกันชนิดที่ว่าแม้ฝาแฝดที่กำเนิดจากไข่ใบเดียวกันยังมิอาจเทียมเท่า  

               “เวลาใกล้ที่จะมาถึงแล้ว...เวลาแห่งการตัดสิน” ชายชราชุดขาวรำพึง

               “แต่ตอนนี้ ‘ผู้ถูกเลือก’ ยังมิอาจตัดสินใจได้” ชุดดำพูดตอบ

               “เด็กสาวผู้มี ‘ชะตากรรมแห่งการตัดสิน’…สายเลือดแห่งวิญญาณของนางทำหน้าที่นี้ได้อย่างถูกต้องมาตลอดทุกชาติภพ” ชายชราชุดขาวกล่าว สายตาจ้องจับไปยังร่างของธเรษตรีที่กำลังวิ่งออกจากกระท่อมด้วยความตื่นตระหนก

               “เพียงแต่ชาติภพนี้...กลับมีอุบัติเหตุที่พรากชีวิตเธอเสียก่อน” ชุดดำต่อให้

               “พวกเราจึงจำต้องต่ออายุให้แก่เธอ...อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าจะถึง ‘วันแห่งการพิพากษา’” ชายชราชุดดำพูดเมื่อเห็นว่าคนที่มีใบหน้าเหมือนกันนิ่งฟัง

               “...เพียงแต่การคืนวิญญาณกลับทำให้เธอสูญเสียความทรงจำในอดีต เช่นนั้นแล้วเด็กน้อยคงไม่อาจตัดสินใจในวันแห่งการพิพากษาได้ ลำพังแค่เรียนรู้จิตใจมนุษย์จาก ‘อภิญญา’ ผ่านการทำนายไพ่ทาโรต์นั้น...คงไม่เพียงพอ” ชายชุดขาวพูดเสริม ถึงตอนนี้ร่างของเด็กสาวนักทำนายลับสายตาบุคคลทั้งสองแล้ว

               “เช่นนั้นพวกเราควรทำให้ความทรงจำของนางหวนกลับคืนมา...มิเช่นนั้นสตรีผู้มีเจตจำนงแห่งพื้นพิภพจะไม่สามารถตัดสินชะตากรรมได้เมื่อ ‘เวลา’ มาถึง” บุรุษชราในร่างดำหันมามองหน้าร่างชุดขาว

               “แม้ความทรงจำที่หวนคืนจะทำให้นางต้องเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ?” ชุดขาวถาม แววตาสะท้อนความรู้สึกโศกเศร้า

               “จะลังเลไปไย เมื่อนางพร้อม...ทั้งความทรงจำในชาติภพนี้ ทั้งความทรงจำในอดีตชาติ...นางจะต้องเข้าใจชะตากรรมของตนเอง...และต้องยอมรับมันอย่างแน่นอน” ร่างในชุดดำกล่าว แม้แววตาจะมีความเศร้าเหมือนชายชุดขาวทว่าดูแข็งกร้าวกว่า

               “อืมมมม...นั่นสิ จริง ๆ แล้วสำหรับวิญญาณดวงนั้น นี่เป็นเพียงแค่การทำหน้าที่ครั้งหนึ่งในหลาย ๆ ครั้งเท่านั้นเอง” ชุดขาวเริ่มเห็นด้วย

               “ถ้าอย่างนั้น เราทั้งสองจงมาทำให้ความทรงจำที่ถูกปิดกั้นกลับคืนมาทีละน้อยเถิด” ชุดดำชักชวนพร้อมกับหยิบไม้เท้ายาวที่วางอยู่ข้างกายชูขึ้นฟ้า เมื่อเห็นดังนั้นชุดขาวจึงทำตาม

 

               เปรี้ยง!

 ฟ้าคำรามลั่นพร้อมกับประกายอัสนีบาตที่พุ่งจากเมฆด้านบน แสงสีฟ้านั้นพุ่งไปทางทิศหนึ่งในหมู่บ้านร้าง

            ทิศที่สายฟ้าพุ่ง...ทิศทางที่ธเรษตรีวิ่งหนีออกไปด้วยความตกใจ!?


แสดงความคิดเห็น
แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม


ความคิดเห็น