เดือนเสี้ยวเคียวเด่นฟ้า จันทรา
สาดแสงเปี่ยมมายา แอบเร้น
เพลิงกาฬซ่อนใต้หน้า กากแห่ง แสงนวล
เปี่ยมจิตริษยาเช่น ภูตร้ายมนตร์ดำ
จันทราแปรรูปร่าง แต่กาล นานนม
เปรียบประดุจคนพาล กลอกกลิ้ง
‘เดอะมูน’ ไพ่แห่งมาร อาฆาต ริษยา
ซ่อนจิตดุจน้ำนิ่ง แต่ใต้ไหลเร็ว
บทแห่งจันทรา (The Moon)
ธเรษตรีใช้มือกุมศีรษะด้วยความปวด เด็กสาวพยายามตั้งสติไม่ให้ฟุบเป็นลมคาโต๊ะทำนายไพ่ การฝันซ้ำซากถึงปริศนาเรื่องเดิม ๆ กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ และอีกหนึ่งสาเหตุ นั่นก็คือการที่ตัวเธอต้องถอยไปอยู่ ’ด้านหลัง’ แห่งม่านมโนสติโดยไม่อาจควบคุมตัวเอง แต่กลับสามารถรับรู้ถึงจิตใจของผู้รับการทำนาย ทั้งหมดนี้ทำให้เด็กสาวไม่อาจข่มตาหลับลงได้โดยง่าย
...และที่ร้ายกาจ นั่นก็คือในช่วงระยะหลังมานี้ ท่าทางจิตวิญญาณของเธอจะมีพลังมากขึ้นหรืออย่างไร?...ในบางคราวที่ไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเดินสวนกับคนอื่น เพียงแค่เฉี่ยวสัมผัสกันแม้ปลายเส้นผม เธอสามารถรับรู้สภาวะอารมณ์ของเขาเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ!?...โดยไม่ต้องถือไพ่ทำนายไว้ในมือ!
เคราะห์ยังดีที่ไม่ถึงขั้นสามารถรับรู้ว่าผู้คนเหล่านั้นกำลังคิดอ่านประการใด ทว่าเพียงเท่านี้ก็สามารถเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์! ผู้คนมากมายในสังคมล้วนมีจิตอันมืดมน ความอิจฉาริษยา ความโลภโมโทสัน ราคะอันล้วนแต่มืดมน
“อ้อก!” ฝนขย้อนที่คอ กระนั้นเธอยังพยายามฝืนไว้มิให้คายของเก่า เด็กสาวรับรู้ว่าต้องเตรียมพร้อมสำหรับการทำนายอยู่เสมอ และไม่รู้ว่าเหตุใดจึงสามารถรับรู้...ธเรษตรีรู้ว่าอีกประเดี๋ยวจะต้องมีคนเข้ามาให้พยากรณ์
“ที่นี่เป็นร้านทำนายไพ่ใช่ไหมคะ?” นั่นประไร เสียงทักดังขึ้นหน้าร้าน
ธเรษตรีตอบรับ นักพยากรณ์สาวเห็นหญิงวัยกลางคนกำลังยืนอยู่หน้าร้าน ท่าทางกระเดียดไปทางไฮโซ ดวงหน้าพอกหนาด้วยเครื่องสำอางเพื่อปิดบังริ้วรอยแห่งกาลเวลา
“ค่ะ ร้านทำนายไพ่ทาโรต์” ฝนอธิบายพร้อมผายมือไปยังป้ายโฆษณาบนโต๊ะ มันถูกพิมพ์อย่างหยาบ ๆ ด้วยโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด
‘แก้ไขปัญหาชีวิตด้วยไพ่ทาโรต์เพียงหนึ่งใบ’
“จริง ๆ หรือคะน้อง?” หญิงกลางคนถาม ท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ธเรษตรียิ้มรับ ผู้คนที่เข้ามาทำนาย ผู้คนที่เดินผ่านไปมา เด็กสาวสามารถรับรู้ได้ว่า มีทั้งคนที่เชื่อถือไพ่พยากรณ์ คนที่ไม่เชื่อแต่อยากลองของ หรือกระทั่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอย่างพี่สาวคนนี้ก็มีเยอะ
“ลองดูก็ได้นี่คะ” นักพยากรณ์ชุดดำส่งยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตร
ทว่า...พริบตาที่เด็กสาวนักทำนายมองหญิงไฮโซเต็มตา เธอขนลุกวาบทั่วทั้งร่าง รังสีบางอย่างกำลังแผ่จากหญิงผู้เป็นลูกค้าอย่างรุนแรง ธเรษตรีรู้สึกอึดอัดในบัดดลนั้น
ความรู้สึกอคติ! ความรู้สึกด้านลบ...มันคือความมืดดำที่ร้ายกาจ!
ไม่เหมือนกับที่เคยสัมผัสจากผู้รับการทำนายคนอื่น ไม่เหมือนกับที่เคยรับรู้จากประชาชนคนเดินถนน
“น้องคะ? เป็นอะไรหรือเปล่า...ตกลงพี่จะทำนายค่ะ” เสียงจากคู่สนทนาทำให้ธเรษตรีต้องรวบรวมสมาธิอีกครั้ง ตอนนี้สาวใหญ่นั่งแปะตรงเก้าอี้ด้านหน้าแล้ว
“ค่ะ...ค่ะ...” นักทำนายรับคำ หยิบสำรับไพ่ทาโรต์ไว้ในมือ รู้สึกหวิววูบทันทีที่สัมผัสไพ่พยากรณ์
“แล้วจะทำนายอย่างไรคะ?” ลูกค้าถาม
“ไพ่นี้จะทำนายและบอกถึงวิธีการแก้ปัญหาที่ควรจะทำ เพียงแต่...” เด็กสาวเริ่มอธิบาย ความรู้สึกและมโนสำนึกเริ่มหลุดลอย ธเรษตรีรู้ดีว่านี่คืออาการก่อนที่สติของเธอจะร่นไปอยู่ ‘ด้านหลัง’ และสลับให้ตัวเธออีกคนขึ้นมาอยู่ ‘ด้านหน้า’ แทน
“เพียงแต่อะไรคะ” สาวไฮโซถามเมื่อเห็นนักทำนายพูดขาดช่วง
“เพียงแต่พี่ต้องเล่าเรื่องของความทุกข์ที่เผชิญอยู่ให้ฟัง” ธเรษตรีอธิบายพร้อมกับพยายามฝืนต่อสู้กับการถูกดูดกลืนไปอยู่ด้านหลังแห่งม่านมโนสำนึก ทั้งต่อสู้กับความรู้สึกกดดันประหลาดที่แผ่กระจายจากตัวลูกค้าตรงหน้า
สีดำ!
มันคือความรู้สึกสีดำที่แผ่กระจายอย่างรุนแรง!...ฤๅลูกค้ากำลังคิดแค้น คิดรังเกียจใครสักคน...เป็นการเกลียดถึงขั้นสามารถฆ่าแกงกันได้ง่าย ๆ
ธเรษตรีไม่ได้คิดวิเคราะห์ไปมากกว่านี้...สติของเธอกำลังหลุดลอย
“ตะ...ต้องเล่าจริง ๆ เหรอจ๊ะ” หญิงไฮโซถามเมื่อได้ยินวิธีทำนายที่น่าฉงน
“ค่ะ” เป็นคำตอบยืนยันจากนักทำนาย น้ำเสียงเย็นเยียบกว่าในทีแรก มือทั้งสองเริ่มสลับไพ่พยากรณ์
“พี่กำลังกลุ้มใจค่ะ” อึกอักอยู่ชั่วประเดี๋ยว ผู้มาเยือนก็เริ่มเล่า
“พี่เคยทำผิดพลาดอยู่ครั้งหนึ่ง ทว่าตอนนั้นพี่กลับถูกถ่ายภาพแบล็กเมล์เอาไว้...เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้น้องฟังอย่างละเอียด” สาวใหญ่ถอนหายใจก่อนจะเริ่มเล่าถึงอดีตที่ผ่านมาไม่นาน
...
...
“พิมพ์...พิมพ์ แย่แล้ว” เสียงตื่น ๆ มาพร้อมกับท่าทางตระหนกของ ‘เอกภพ’ สามีผู้ที่ตอนนี้กำลังก้าวตรงเข้ามายังเธอผู้มีชื่อเต็มว่า ‘พิมพ์ฤดี’
“คะ ? มีอะไรแย่หรือ?” หญิงไฮโซเก็บขวดยารักษาโรคความดันโลหิตสูงที่พึ่งกินไปเมื่อครู่ลงในลิ้นชัก สาวใหญ่นึกฉงนในใจ ปกติสามีผู้มีหน้าที่การงานเป็นผู้จัดการโรงแรมนั้นจะเป็นคนเยือกเย็น ไม่เอะอะอ่อนไหวง่าย แต่ใยครานี้ถึงรีบเร่ง หรือจะเป็นเรื่องแย่มากจริง ๆ?
เอกภพยืนหอบอยู่สักอึดใจจึงบอกกับภรรยา
“มีคนโทรหาผม...มันขอสายพิมพ์”
“ลูกค้าหรือคะ?” พิมพ์ฤดีถาม คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องทางธุรกิจ แต่สามีสั่นศีรษะปฏิเสธ
“ไม่ใช่! มันขู่ว่ามีคลิปที่พวกเราไปเล่นการพนันที่บ่อนเถื่อน” เอภพอธิบาย
“มันจะเอาคลิปประจานลงในเนต ผมไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร? เงิน? แต่ถ้ามันเอาลงอินเทอร์เน็ตจริงล่ะก็...ผมว่าคงกระทบกับธุรกิจของคุณแน่”
พิมพ์ฤดีนิ่งคิดก่อนที่จะเอ่ยการตัดสินใจ
“งั้นเดี๋ยวเราต้องรอการติดต่อจากมันอีกครั้ง...อีกอย่างเราต้องสืบกลับว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นใคร”
ถึงตอนนี้เอกภพหรี่เสียงลง ชายหนุ่มบอกกับภรรยา
“ผมคิดว่าอาจจะเป็นพนักงานในโรงแรมที่ผมทำงานอยู่...เพราะเสียงคุ้นมาก แต่ผมไม่แสดงให้มันรู้ตัวหรอกนะว่าผมระแคะระคาย อ้อ! ถ้ามันโทรมาหาคุณ อย่าบอกนะว่าผมสงสัยคนในโรงแรม”
“ผมจะได้คอยจับผิดได้ว่าเป็นใครกันที่บังอาจมาแบล็กเมล์พวกเรา”
พิมพ์ฤดี ภรรยาไฮโซพยักหน้า ทว่ายังไม่ทันที่จะคิดอ่านประการใดต่อ
ตรู๊ดดดดดด...ตรู๊ดดดดดด...
สัญญาณโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดัง สองสามีภรรยามองหน้ากันนิดหนึ่ง พิมพ์ฤดีค่อย ๆ ยกหูโทรศัพท์ขึ้นขณะที่อีกมือกดปุ่มสปีกเกอร์เพื่อให้เอกภพผู้เป็นสามีรับรู้บทสนทนาไปพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ พิมพ์ฤดีพูดค่ะ” สาวไฮโซกรอกเสียงลงไป พยายามทำเสียงเป็นปกติ
“คุณพิมพ์หรือคะ?” เสียงจากปลายสาย ผู้หญิง ? เสียงเพราะเสียด้วย
ถึงตอนนี้เอกภพยื่นเศษกระดาษมาทางภรรยา ลายมือหวัด ๆ ของชายหนุ่มเขียนว่า ‘ผมสงสัยพนักงานฝ่ายรีเซพชั่นโรงแรม’
“ค่ะ ใครพูดคะนั่น?” พิมพ์ฤดีถาม สายตามองยังกระดาษที่สามียื่นให้
“ดิฉันเป็นใครไม่สำคัญหรอกค่ะ สำคัญแต่ว่าดิฉันรู้ความลับของตัวคุณ”
“ความลับ? เธอเป็นใคร?” สาวไฮโซถามกลับ น้ำเสียงเริ่มเปี่ยมด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“แหม...อย่าทำเสียงแข็งสิคะ ใครจะรู้ล่ะคะว่าผู้ดีไฮโซ มีสกุลรุนชาติอย่างคุณพิมพ์จะติดการพนันงอมแงม” เป็นเรื่องที่เธอกับสามีเล่นการพนันที่บ่อนเถื่อนจริง ๆ
“แกพูดอะไรไม่รู้เรื่อง” พิมพ์ฤดีโต้กลับ หญิงไฮโซพยายามควบคุมอารมณ์ เธอพยายามถ่วงเวลาคุยให้นานที่สุดเพื่อที่จะได้เก็บข้อมูลของอีกฝ่าย
“ดิฉันมีคลิปวิดีโอค่ะ ถ่ายได้ชัดเจนมาก ที่บ่อนเถื่อนน่ะค่ะ แหม...ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคุณพิมพ์เล่นไพ่เก่งแทบทุกอย่าง”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน เรื่องราวที่เอกภพเล่าเมื่อครู่เป็นความจริง และช่างประจวบเหมาะที่พอเล่าเสร็จคนร้ายก็โทรเข้ามาหาพอดี
“ใครถ่ายคลิปมาให้แก” พิมพ์ฤดีถามเสียงเครียด
“หนึ่งล้านบาทขาดตัวค่ะ สำหรับค่าปิดปาก” เป็นการเสนอข้อต่อรอง
“จะบ้าเหรอ คลิปมีจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้?” สาวใหญ่ตวาดกลับ ราคาที่คนร้ายเสนอมาช่างแพงลิบลิ่ว
“คุณพิมพ์ลองเปิดอีเมล์ดูสิคะ ดิฉันเพิ่งส่งไปเมื่อสักครู่ ป่านนี้คงถึงแล้วกระมัง”
สิ้นประโยค หญิงสาวหันไปมองที่คอมพิวเตอร์ สามีก็ไวใจหายรีบขยับเมาส์ กดแป้นคีย์บอร์ดเพื่อเข้าไปยังกล่องจดหมายของภรรยาสาวใหญ่
“แก...แก...” สาวไฮโซเสียงสั่น ภาพคลิปที่ถูกดาวน์โหลดจากอีเมล์เป็นภาพวิดิโอที่เธอไปเล่นการพนันจริง ๆ ภาพในคลิปเห็นหน้าเธอชัดมาก
“หนึ่งล้านบาทค่ะ แล้วดิฉันจะติดต่อไปใหม่ อ้อ! อย่าปิดโทรศัพท์มือถือนะคะ ไม่อย่างนั้น คลิปนี้จะเผยแพร่ไปทั่วทุกเว็บไซต์แน่ ๆ ค่ะ บ๊าย บายนะคะ” คนร้ายยื่นคำขาดก่อนจะรีบวางหูไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เจรจาต่อรอง
...
...
“หลังจากนั้นมันก็โทรมาหาพี่บ่อยมาก พี่เลยกลุ้มใจจนต้องมาปรึกษาน้องนี่แหละค่ะ” หญิงสาวไฮโซจบการเล่าเรื่องอันเป็นปฐมเหตุแห่งความทุกข์
“เชิญค่ะ ด้วยมือซ้าย” นักทำนายชุดดำคลี่ไพ่ที่สลับลงบนโต๊ะ ไพ่ทาโรต์อันมีเพียงไพ่หลัก ‘เมเจอร์ อาร์คานา’ บัดนี้ทั้งหมดคว่ำหน้าเรียงซ้อนกันเป็นแถว
สาวใหญ่ไฮโซยื่นมือซ้ายออกไป ไม่ถึงอึดใจไพ่หนึ่งใบก็ถูกเลือกออกมา และเมื่อพลิกขึ้นดูก็พบว่าภาพด้านหน้าถูกวาดขึ้นอย่างวิจิตรบรรจงแลดูมีคุณค่าทางศิลปะ
...มันคือภาพดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า สีเหลืองนวลตัดกับสีดำแห่งราตรีกาล
ผืนดินเบื้องล่างปรากฏสุนัขสองตัวกำลังเห่าหอนจันทรานั้น และพื้นที่ตรงกลางระหว่างสุนัขประหลาดมีสายน้ำที่ไหลจากขุนเขาอันอยู่ห่างออกไปสุดสายตา ที่ปลายของธารน้ำไหลรวมเป็นแอ่งด้านล่างสุดของภาพ ตรงกลางแอ่งน้ำนั้นปรากฏกุ้งสีแดงอยู่ภายใน
ชื่อของไพ่ทาโรต์ที่ถูกจารึกคือ ‘ไพ่แห่งจันทรา (The Moon)’
“ไพ่...ไพ่นี้หมายความว่ายังไงคะ” น้ำเสียงของพิมพ์ฤดี ลูกค้าผู้อยู่ในห้วงทุกข์ส่อแววกังวล หญิงสาวเดาออกว่าไพ่ดวงจันทร์ใบนี้น่าจะมีความหมายที่ไม่สู้ดีนัก
“ไพ่แห่งจันทรา...แสดงได้ถึงอารมณ์ที่แปรปรวน เสมือนดวงจันทร์ที่เปลี่ยนแปรรูปลักษณ์ทุกคืนค่ำ” เป็นความหมายจากนักพยากรณ์ชุดดำ
“ดังนั้นขอให้คุณเตือนสติตัวเอง อย่าให้อารมณ์เข้าครอบงำจิตใจ คุณจะต้องยึดมั่นในเหตุผล ยึดมั่นในศีลธรรม” นั่นเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ได้ไพ่ใบนี้
“ค่ะ...ค่ะ ขอบคุณน้องมาก ๆ” พิมพ์ฤดีลุกขึ้นพร้อมวางธนบัตรใบละร้อยลงที่โต๊ะทำนายสามใบ
“เดี๋ยว!” นักพยากรณ์ตะโกน สาวใหญ่ชะงัก
“ยังไม่จบ! เชิญนั่งลงก่อน” เด็กสาวนักทำนายผายมือเพื่อเชื้อเชิญลูกค้าให้นั่งลงอีกครั้ง
“ยังมีอีกหรือคะ?”
“ไพ่จันทราใบนี้ยังหมายถึง...การกลอกกลิ้ง การหลอกลวงหักหลัง!”
“การหักหลัง?” ผู้รับคำทำนายทวนคำ
“ทั้งที่ถูกเขาหักหลัง...หรือเป็นฝ่ายไปหักหลังคนอื่น! จงพึงระวังและจดจำไว้!”
นั่นเป็นคำทำนายสุดท้ายก่อนที่พิมพ์ฤดีจะรีบผละออกจากร้านทำนายอันเต็มไปด้วยบรรยากาศพิลึกระคนสยองขวัญ
...
...
...
นับจากวันแรกที่บุคคลลึกลับโทรมาแบล็กเมล์ขู่กรรโชก ถึงตอนนี้ก็เกือบสองสัปดาห์เข้าไปแล้วที่พิมพ์ฤดีต้องรับโทรศัพท์กดดันจากฝ่ายตรงข้าม ขณะที่สามีของเธอ เอกภพ...ผู้เป็นผู้จัดการโรงแรมก็เพียรพยายามสืบหาหลักฐานว่าคนร้ายเป็นใครในโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เรื่องราวอะไรมากนัก
“ผมว่าคุณควรจะพกปืนไว้” สามีออกความเห็นพร้อมกับยื่นปืนขนาดเล็กสำหรับผู้หญิงให้ ตรงปลายกระบอกถูกติดตั้งที่เก็บเสียงเอาไว้
“ปืน?” หญิงสาวไฮโซเอ่ยพร้อมมองหน้าสามี ส่งสายตาแทนคำถาม
“ใช่...ผมคิดว่าบางทีพวกมันอาจไม่ได้ทำงานคนเดียว เกิดมันมีหลายคนและมีปืน คุณจึงควรที่จะต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัว...ก็ผมรักคุณคนเดียวนี่ครับ” เป็นคำอธิบายหวาน ๆ จากปากชายหนุ่มผู้จัดการโรงแรม
ด้วยเหตุนี้เองปืนกระบอกสีเงินขนาดย่อมติดกระบอกเก็บเสียงจึงมาสถิตอยู่ที่กระเป๋าถือใบใหญ่ของพิมพ์ฤดี
หลังจากนั้นไม่กี่วัน สถานที่ส่งมอบไฟล์คลิปวีดีโอจึงถูกกำหนดขึ้นที่โรงแรมเก่า ๆ ไม่มีชื่อเสียง พิมพ์ฤดีไม่นึกหวาดกลัวคนร้ายสักเท่าไร นั่นเพราะปืนถูกเตรียมไว้ในกระเป๋าถือใบใหญ่ ส่วนที่อยู่ด้านหลังก็คือเอกภพ สามีผู้ซื่อสัตย์
พิมพ์ฤดีวางแผนกับเอกภพให้ติดตามเธอมา พร้อมกับซ่อนกล้องกระดุมไว้ที่อกเสื้อ เขาจะถ่ายรูปหน้าคนร้ายเอาไว้เพื่อใช้ติดตามทลายให้หมดยกแก๊ง!
ก๊อก ๆๆ
เคาะประตูสามครั้งพร้อมตั้งสติมั่น อันที่จริงบานประตูห้องหาได้ปิดสนิทไม่ มันเปิดแง้มไว้อย่างเชื้อเชิญ
“เชิญเข้ามาเลยค่ะ” เสียงหวานแว่วจากด้านใน พิมพ์ฤดีจำได้ว่าเป็นสำเนียงเดียวกับที่โทรศัพท์ไปขู่กรรโชกเธอ
สาวไฮโซผลักบานประตูออกพร้อมสืบเท้าเข้าด้านใน ซิปกระเป๋าใบเขื่องถูกเปิดไว้รอท่าหากว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉิน
ภริยาเดินนำสามีเข้าไป ในห้องขนาดกลางมีเพียงหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งรอที่ปลายเตียง
“เธอสินะ คนที่ถ่ายคลิปวิดีโอ” พิมพ์ฤดีถาม พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“เงินล่ะคะ? จากนั้นคลิปที่คุณเล่นการพนันที่บ่อนเถื่อนก็จะถูกปกปิดไปตลอดกาล” ประโยคจากหญิงแปลกหน้าหาใช่คำตอบไม่ แต่กลับเป็นข้อเรียกร้องที่ตกลงกันไว้ทางโทรศัพท์
พิมพ์ฤดีขยับตัวด้วยความอึดอัด หญิงสาวรู้ดีว่าแม้จะยอมจ่ายเงิน แต่ไฟล์คลิปวีดีโออาจถูกก็อปปี้เอาไว้แล้ว...หากเป็นเช่นนั้นก็เปล่าประโยชน์ เธอคงถูกขู่กรรโชกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“แล้วชั้นจะรู้ได้ยังไง ว่าแกจะไม่ก็อปปี้ไฟล์เอาไว้แบล็กเมล์อีก” พิมพ์ฤดีถาม
“ดิฉันรับรองว่าจะหายไปจากชีวิตคุณ แต่ดิฉันคงไม่มีอะไรที่สามารถรับประกันเป็นหลักฐาน...หรือว่าคุณพิมพ์ฤดีจะเอาใบเสร็จด้วย?” เป็นคำตอบลอยหน้าลอยตาจากดวงหน้าสวยนั่น สาวใหญ่ถึงกับอารมณ์พลุ่งพล่าน
“อี...อีเลว! ไหนล่ะไฟล์ที่ว่า เงินหนึ่งล้านน่ะอยู่ในกระเป๋านี่แล้ว” พิมพ์ฤดีโกรธจัด เธอเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ไหว
“เดี๋ยวจะหยิบมาให้นะคะ รับรองว่าไม่มีก็อปปี้ที่ไหนอีก” สาวสวยลุกขึ้นก่อนที่จะเดินไปยังลิ้นชักโต๊ะทางด้านหัวเตียง
ลิ้นชักถูกเปิดออก พิมพ์ฤดีเห็นชัดเจนว่าข้างในนั้นบรรจุวัตถุสีดำมะเมื่อมลักษณะเดียวกับกระบอกสีเงินในกระเป๋าถือของเธอ
“ระวัง! ปืน!” เอกภพร้องเตือนภรรยา พิมพ์จึงรีบหยิบปืนพกขึ้นมาไว้ในมือ เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวหน้าสวยหันกลับมายังเธอ
ฟุ่บ!
กัมปนาทถูกระงับไว้ด้วยกระบอกเก็บเสียง ทว่ากระสุนดินดำยังสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ได้อย่างเด็ดขาด ร่างงามตรงหน้าผงะหงายก่อนจะหมุนคว้างกลางอากาศ โลหิตแดงฉานทะลักออกจากบาดแผลตรงหน้าอก...กระสุนของพิมพ์ฤดีพุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจอย่างแม่นยำ!
ร่างงามแน่นิ่งไปแล้ว พิมพ์ฤดียืนตัวสั่นมือสั่นด้วยความตระหนก เธอฆ่าคนตาย!
“ไม่เป็นไรนะพิมพ์ คุณแค่ป้องกันตัว อีกฝ่ายมีปืน ถ้าไม่ยิงเราก็ต้องถูกยิง” เป็นคำพูดปลอบประโลมจากด้านหลัง เอกภพผู้เป็นสามีค่อย ๆ เอื้อมมือผ่านลอดใต้รักแร้เข้าปลดอาวุธปืนที่หญิงสาวถือค้างไว้ มือสามีที่เอื้อมเข้ามาหยิบปืนสวมใส่ถุงมือผ้าในลักษณะเดียวกับบริกรของโรงแรม
เอกภพยึดปืนของเธอมาถอดแม็กกระสุนออก เขาวางปืนสีเงินไร้กระสุนไว้บนเตียงก่อนจะตรงไปยังศพของสาวสวย ชายหนุ่มพิจารณาเพียงอยู่ครู่เดียว เมื่อเห็นว่าร่างนั้นนอนแน่นิ่งหมดลมหายใจแล้วจึงตรงเข้าไปยังลิ้นชักที่เปิดอ้าไว้
ในลิ้นชักมีของอยู่สองอย่าง นั่นก็คือแฮนดี้ไดร์ฟที่บรรจุคลิปวิดีโอ...กับปืนกระบอกสีดำมะเมื่อมที่ติดกระบอกเก็บเสียง
เอกภพหยิบปืนขึ้นมา ชายหนุ่มไม่ต้องกังวลเรื่องรอยนิ้วมือและเขม่าดินปืนด้วยเพราะใส่ทั้งถุงมือและเสื้อแขนยาว
เขาหันกลับไปยังภรรยาหลวง เตรียมเอ่ยคำลาคนที่เขาจำต้องแต่งงานเพราะทรัพย์สมบัติเสียที เพียงเท่านี้ทรัพย์สินทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของเขา ส่วนรูปการณ์ก็คือสองสาวเกิดการหึงหวงผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อจนถึงขั้นฆ่ากันตาย
กริ๊ก!
เสียงขึ้นนกดังกริบ เอกภพขนลุกวาบด้วยเพราะตัวเขาไม่ใช่เป็นต้นเสียง และเมื่อหันหน้าไปก็พบปืนสีดำอีกกระบอกอยู่ในมือของพิมพ์ฤดี...แน่นอนว่าติดตั้งที่เก็บเสียงไว้เรียบร้อย
“พิมพ์?” เอกภพเอ่ยได้แค่นั้น ชายหนุ่มไม่สามารถเข้าใจเรื่องราวได้
“โชคร้ายนะคะที่พิมพ์เอาปืนมาสองกระบอก” หญิงไฮโซเอ่ยทำลายความเงียบ เอกภพอึกอักเมื่อเห็นชัดเจนว่าปลายปากกระบอกจ่อตรงเข้ายังศีรษะของเขา
“พิมพ์รู้เรื่องหมดทุกอย่างค่ะ แฟนพิมพ์เขาเก่งมากเลยนะคะ แค่ฟังเรื่องที่พิมพ์เล่า เขาก็ตั้งสมมุติฐานได้ถูกต้องว่า คุณอาจจะเป็นตัวการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด”
“แฟน? พิมพ์หมายความว่ายังไง?” ผู้จัดการหนุ่มถามงง ๆ
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ คุณมีชู้ได้ แล้วทำไมพิมพ์จะมีบ้างไม่ได้ล่ะคะ”
“แฟนพิมพ์เขาจัดการหมดเลยค่ะ ส่งคนมาสืบ มาสะกดรอยคุณตั้งแต่ที่โรงแรม ที่คุณชอบไปอี๋อ๋อกับนังคนที่นอนตายนั่น สืบจนรู้เรื่องทั้งหมด ปืนกระบอกนี้เขาก็เป็นคนจัดหามาให้” พิมพ์ฤดีพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่อันตรายที่สุดเท่าที่เอกภพเคยเห็น
ชายหนุ่มรีบยกปืนในมือขึ้น มันอาจเป็นทางรอดสุดท้ายของเขา
ฟุ่บ!
อีกครั้งที่กระบอกเก็บเสียงทำงานเป็นอย่างดี ลูกปืนถูกส่งเข้าที่หน้าผากของเอกภพอย่างแม่นยำ ร่างของชายหนุ่มทรุดฮวบและแน่นิ่งในเสี้ยววินาทีต่อมา
พิมพ์ฤดีนำปืนที่พึ่งใช้ฆ่าสามีไปใส่ไว้ในมือของหญิงสาวที่สืบได้ว่าชื่อสุนิสา ยิงหนึ่งครั้งใส่กำแพงเพื่อให้เกิดคราบเขม่าดินปืนบนมือของศพสุนิสา จากนั้นจึงเดินไปเก็บปืนกระบอกเงินที่ใช้คร่าชีวิตของสุนิสาภรรยาน้อย นำแม็กกระสุนที่ถูกถอดใส่ไว้อย่างเก่า จากนั้นจึงนำไปใส่ไว้ที่มือของเอกภพ ยิงหนึ่งครั้งที่กำแพงเช่นกันเพื่อให้เกิดคราบเขม่าดินปืนบนถุงมือที่เขาใส่
เท่านี้ปืนที่คร่าชีวิตของสุนิสาก็อยู่ในมือของเอกภพ...เช่นเดียวกัน ปืนสังหารเอกภพก็อยู่ในมือของสุนิสา เขม่าดินปืนจะเป็นเครื่องยืนยันพอ ๆ กับรอยหัวกระสุน อีกทั้งวิถีการยิงเข้าใส่กำแพงก็สอดคล้องกับแนวและทิศทางของทั้งสองศพ ประหนึ่งว่าทั้งคู่ได้ยิงต่อสู้กัน
พิมพ์ฤดีถอนใจยาว เพียงเท่านี้เรื่องก็จบ จากนี้ไปเธอก็จะมีชีวิตใหม่ จะได้หลุดพ้นจากสามีเลว ๆ นี่เสียที สาวใหญ่ไฮโซสะบัดศีรษะด้วยเกิดอาการมึนงง บางทีความดันอาจจะกำเริบจากการตื่นเต้นเมื่อครู่
หญิงไฮโซทบทวนแผนการก่อนที่จะหลบหนี เธอจึงนึกขึ้นได้ว่ามีของที่ต้องจัดการสองสามอย่าง...อย่างแรกก็คือแฮนดี้ไดร์ฟตัวปัญหาที่มีภาพเธอกำลังเล่นการพนันที่บ่อน
สอง...ปืนกระบอกดำที่ไม่ได้ใช้ยิง หญิงสาวต้องนำมันออกมาจากห้องนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นตำรวจจะต้องรู้ว่ามี ‘สามคน’ ที่อยู่ในห้องขณะที่เกิดเหตุ
และสุดท้ายก็คือกล้องแอบถ่ายแบบกระดุมที่สามีติดตั้งไว้ในตัว หญิงสาวคาดว่าจริง ๆ แล้วเอกภพน่าจะบันทึกภาพเพื่อเตรียมไว้เป็นหลักฐานสำหรับแบล็กเมล์ ไม่ก็ฟ้องหย่าในภายหลังหากเหตุการณ์สังหารไม่เป็นตามที่คิด
เสร็จจากการเก็บหลักฐานทั้งสามอย่างเมื่อไร เธอก็จะหลบหนีจากโรงแรมอย่างสบาย ๆ
พิมพ์ฤดีพยายามควบคุมสติให้มั่นด้วยรู้สึกเวียนศีรษะมากขึ้นทุกที หญิงไฮโซกระหวัดความคิดไปถึงคำทำนายของหมอดูที่สี่แยกประตูน้ำ ก็แม่นจริง ๆ ล่ะนะ เธอจำคำทำนายของหมอดูลึกลับวัยละอ่อนได้
‘ไพ่จันทราใบนี้ยังหมายถึง...การกลอกกลิ้ง การหลอกลวงหักหลัง!’
‘ทั้งที่ถูกเขาหักหลัง...หรือเป็นฝ่ายไปหักหลังคนอื่น! จงพึงระวังและจดจำไว้!’
พริบตานั้น! วินาทีที่นึกถึงคำทำนายลึกลับ ศีรษะก็ปวดแปลบในบัดดล ม่านตาพร่าพรายพร้อมกับสติที่ดับวูบ!
...
...
ในเวลาเดียวกัน บนชั้นลอยกลางแจ้งของตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมที่เกิดเหตุ สถานที่แห่งนี้ถูกจัดเป็นสวนอาหารสำหรับลูกค้าที่จับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าชั้นล่าง ริมรั้วที่กั้นสูงป้องกันการพลัดตกนั้นปรากฏร่างเด็กสาวคนหนึ่งกำลังจ้องมองไปยังอาคารโรงแรมโกโรโกโสอันเป็นสถานที่ฆาตกรรมสองศพซ้อน
เด็กสาววัยรุ่นคนนั้นแต่งกายในชุดสีดำสนิท!
แววตาสีดำแข็งกระด้างจับจ้องไปที่หน้าต่างของห้องหนึ่งในโรงแรมนั้น เธอมองราวกับสามารถเห็นทะลุผ้าม่านที่ปิดสนิทได้ และหลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ เด็กสาวชุดดำจึงตรงไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะในตัวตึก เธอหมุนหมายเลข 191 เพื่อเรียกตำรวจ
...
...
ก๊อก ๆๆ
เสียงเคาะประตูทำให้สติของพิมพ์ฤดีกลับคืนมาอีกครั้ง หญิงไฮโซยังมึนศีรษะและปะติดปะต่อเรื่องราวไม่สำเร็จ ทว่าเมื่อมองไปด้านในห้องแล้วเห็นสองศพจึงตั้งสติได้
“แย่แล้ว!” สาวใหญ่อุทาน นี่เราสลบไปนานแค่ไหน? แล้วใครกำลังมาเคาะประตู?
“ไขเข้าไปเลยน้อง” แว่วเสียงสั่งห้าว ๆ จากฝั่งตรงข้ามของบานประตู ตามด้วยเสียงพวงกุญแจกรุ๋งกริ๋ง
“ว่าแต่พนักงานคนไหนที่โทรไปแจ้งตำรวจว่ามีการฆ่ากันตาย เสียงเหมือนเป็นเด็กวัยรุ่นน่ะ” เสียงห้าวถาม ท่าทางเป็นตำรวจ ส่วนที่กำลังไขกุญแจห้องน่าจะเป็นพนักงานของโรงแรม เขาตอบว่าไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนโทรศัพท์ไปแจ้ง
ตำรวจ? แย่แล้ว!?
ไม่ทันที่พิมพ์ฤดีจะคิดอ่านประการใด ประตูก็เปิดผัวะเข้ามา ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายนายกรูกันเข้ามา หญิงสาวจำต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลี่ยง หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ตำรวจกับแพทย์นิติเวชที่รุดมาในภายหลังจึงค้นพบหลักฐานมากมายที่เธอยังไม่ได้กำจัด โดยเฉพาะแฮนดี้ไดร์ฟตัวแสบกับภาพวีดีโอที่ถ่ายจากกล้องกระดุมในตัวศพของเอกภพ...และหลักฐานสำคัญที่หญิงสาวไม่เคยรู้ ก็คือเครื่องดักฟังที่สุนิสาแอบติดตั้งไว้ใต้เตียง
เพียงเท่านี้ก็จบสิ้นกันทีสำหรับชีวิตสาวไฮโซ เธอน่าจะเชื่อคำทำนายของไพ่แห่งจันทราใบนั้น...ไพ่ที่อุตส่าห์ตักเตือนให้กลับตัวกลับใจ
ไม่ควรเลยที่จะไปทรยศหักหลังคนอื่น!