กงล้อกลมวิ่งม้วน เวียนวน
ดุจดั่งชะตาคน เปรียบได้
ดีชั่วเปลี่ยนปะปน ตามแต่ กรรมใคร
ขอท่านจงตั้งไว้ หนักแน่นความดี
บทนำ : บทแห่งกงล้อชะตากรรม (Wheel of Fortune)
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นด้านบนทีไรจะต้องพบกับนภาสีฟ้าครามสดใสกว้างใหญ่ลิบลับจนสุดขอบลานนัยน์ตา ทว่าแม้สีครามเข้มจากท้องฟ้าไร้ปุยเมฆจะสดใสชวนให้น่าพินิจหลงใหล แต่กระนั้นเด็กสาวผู้อยู่ในชุดนักเรียนชั้นมัธยมปลายก็มิอาจสู้สายตามองได้นานนัก เธอรู้สึกแสบตามากเสียจนต้องใช้ฝ่ามือยกขึ้นเพื่อบังแสงสว่างที่เจิดจ้าเกินไป
นักเรียนสาวปาดเหงื่อไคลที่ไหลย้อย ความร้อนจากแสงที่แผดกล้าทำเธอเหนื่อยล้าอ่อนแรง ที่แปลกยิ่งนัก นั่นคือเมื่อมองโดยรอบ ทั้งซ้ายขวา ไม่พบแม้แต่เงาคน ...กระทั่งสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็มิอาจพานพบ หรือ ณ สถานที่แห่งนี้ มีเพียงแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
ที่นี่คือที่ไหน ?
คำถามผุดขึ้นในสมอง ... เด็กสาวพยายามระลึกหาคำตอบ หากแต่ราวกับมีบางอย่างที่ปิดกั้นความทรงจำไว้ แล้วใครเล่าที่จะเป็นผู้บอกให้เธอรู้ ก็ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ ไม่มีแม้ใครสักคน
เด็กสาวมัธยมปลายหันซ้ายขวาเพื่อสำรวจ เธอพบว่ารอบกายเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง หลาย ๆ แห่งเปลวไฟยังกรุ่นปะทุ หรือจะมีการระเบิด ? หรือจะเป็นสงครามกลางเมือง ?
หลังจากปาดเหงื่อที่เกิดจากความร้อนแห่งดวงตะวัน เด็กสาวตัดสินใจเร้นกายหลบเข้าหลังเงามืดของซากตึก หญิงสาววัยรุ่นสะบัดศีรษะ เพื่อขับไล่ความมึนงง การยืนอยู่ในที่สว่างจ้ามาก ๆแล้วจู่ ๆ หลบเข้าในเงามืด ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ กระทั่งเมื่อปรับสายตาได้ อาการดังกล่าวจึงค่อยผ่อนบรรเทา
เด็กสาวชั้นมัธยมวางกระเป๋านักเรียนที่อยู่ในมือลงที่พื้น ก่อนที่จะนั่งหลับพักสายตาที่อ่อนล้า ยิ่งแสงสว่างภายนอกเจิดจ้ามากเท่าใด ย่อมทำให้ปรากฏเงาดำอันเกิดจากจุดอับแสงมากเท่านั้น เธอนั่งเอนหลังพิงกับกำแพง ตั้งใจรอจนกว่าจะเย็น ... เพราะหากต้องออกไปเผชิญความร้อนที่มากขนาดนั้นอีกครั้ง ... อาจถึงขั้นป่วยเป็นลมแดด
และถึงตอนนี้เด็กสาวก็ยังไม่สามารถระลึกความทรงจำที่ลืมเลือนได้ นั่นรวมถึงคำถามที่ว่า...
เธอคือใคร ?
เด็กสาวในชุดนักเรียนจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตน เธอเป็นใครมาจากไหน ? รู้แต่เพียงว่าการที่ตัวเองได้ถือกำเนิดมา นั่นเพราะมีหน้าที่บางอย่างที่ต้องกระทำอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ทว่าหน้าที่ดังกล่าวคืออะไร ? ...ตัวเธอเองก็ไม่รู้ ?
เด็กสาวเปิดกระเป๋านักเรียนที่ถือติดมือมา แม้จะไม่แน่ใจว่าใช่กระเป๋าของตัวเองหรือไม่ แต่ก็สามารถรับรู้ด้วยจิตสังหรณ์ว่าสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าจะต้องเป็นของตัวเอง ด้วยเพราะความรู้สึกคุ้นเคยที่กำลังแผ่ซ่านออกมาจากด้านในของช่องกระเป๋า
สาวน้อยเปิดกระเป๋าก็พบป้ายชื่อที่ติดอยู่ด้านใน...ชื่อของตัวเธอ ?
‘ธเรษตรี’
ชื่อแปลก ๆ นี้ต้องเป็นชื่อเธอ...ใช่! ต้องใช่อย่างแน่นอน ด้วยเพราะเธอสามารถจดจำความหมายของนามกรที่แปะไว้ตรงกระเป๋านี้
‘โลก...หรือแผ่นดิน’ นั่นคือนิยามความหมาย
ทว่าสิ่งคุ้นเคยที่เด็กสาวสังหรณ์หาใช่ป้ายชื่อหรือความหมายไม่ หากแต่เป็นวัตถุในกล่องสี่เหลี่ยมที่ซุกอยู่ด้านในสุด มันถูกห่อไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำ
ธเรษตรีบรรจงแกะผ้าห่อนั้นออก เธอพบกล่องไม้เล็ก ๆ ขนาดเท่ากับฝ่ามือ และเมื่อเปิดฝากล่องไม้ออก สาวน้อยจึงได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน ...
มันคือสำรับไพ่
หาใช่ไพ่ที่มีไว้สำหรับเล่นการพนันไม่ หากแต่เป็นไพ่ที่ใช้สำหรับการทำนายอนาคต!? ... เด็กสาวยังนึกแปลกใจที่ตัวเองรู้เรื่องพวกนี้ได้ทั้งที่ไม่สามารถจดจำอดีตอย่างอื่น
ธเรษตรีหยิบใบหนึ่งขึ้นมาและเมื่อพลิกดูด้านหน้าไพ่ เธอจึงเห็นรูปของมัน
วงล้อ...หรือกงล้อที่หมุนเวียนวน
ใต้ต่อภาพแสดงถึงชื่อของไพ่ใบนั้น เด็กสาวสะกดคำช้า ๆ และแปลความหมายไปพร้อมกัน
The Wheel of Fortune ไพ่กงล้อชะตากรรม !
ความหมายของไพ่ในมือ หมายถึงโชคชะตาที่หมุนเปลี่ยนเวียนวน อาจเปลี่ยนแปลงตามการกระทำในปัจจุบัน หรือเป็นโชคชะตาที่พลิกแปรผันตามกรรมเก่าที่คอยดลบันดาล...มันคือกงล้อแห่งเคราะห์กรรมที่มนุษย์ทุกผู้พึงต้องประสบ
โชคดี - โชคร้าย หาใช่เป็นเพียงแค่ ‘โชค’
...หากแต่มันคือ ‘ชะตากรรม’ !
ธเรษตรีรับรู้ถึงความหมายของไพ่ใบนี้ในทันที และเป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกแปลกใจ ด้วยสามารถจดจำความหมายของภาพทำนาย ทั้งที่เรื่องอื่น ๆ ไม่อาจแม้แต่จะระลึก
เด็กสาวเก็บไพ่ใส่ไว้ในสำรับอีกครั้ง เธอทอดสายตาออกไปด้านนอก มองสู่ท้องฟ้าสีครามเข้มไร้เมฆาที่สามารถลดทอนความร้อนจากดวงตะวัน
ดวงอาทิตย์ ?
ธเรษตรีสะดุ้งพรวดขึ้นยืนเมื่อเห็นดวงตะวันเต็มสองตา เด็กสาวขยี้ตาพร้อมกับสะบัดศีรษะเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ตาฝาดไปเอง
พระอาทิตย์มีสองดวง!?
...
...
แสงตะวันสาดส่องกระทบเปลือกตาทำให้ธเรษตรีตื่นจากนิทรา เด็กสาวเบิกตากว้างพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว สภาพที่เห็นโดยรอบก็คือห้องนอนที่บ้าน และตัวเธอก็กำลังนอนอยู่บนเตียงดังเช่นปกติทุกคืนวัน
ธเรษตรีรีบวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อชะโงกดูท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดง เด็กสาวต้องการที่จะพิสูจน์ดูว่าพระอาทิตย์มีกี่ดวง ?
ภาพที่เห็นก็คือตะวันสีส้มในเพลาเย็นย่ำ แน่นอนว่าสุริยาย่อมมีเพียงหนึ่งเดียวสำหรับโลกใบนี้
ธเรษตรีเกาศีรษะ หลับตาและนับในใจหนึ่งถึงสิบช้า ๆ ก็พบว่าตัวเองยังมีสติเป็นปกติอยู่ ถึงแม้เธอจะสูญเสียความทรงจำไปตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน มันเป็นการสูญเสียความทรงจำตั้งแต่เด็กจนโต...ตั้งแต่ถือกำเนิดจนถึงเมื่อครึ่งปีก่อนที่เธอประสบเหตุร้าย!
มันเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง ธเรษตรีได้เห็นภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์ ภาพรถยนต์ที่แหลกเหลวกลางป่าในเขตจังหวัดลำปาง และที่เลวร้ายยิ่งกว่าการสูญเสียความทรงจำ นั่นก็คือบุพการีทั้งสอง...พ่อกับแม่ก็เสียชีวิตในอุบัติเหตุครานั้นเช่นกัน!
ทว่าเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด นั่นก็คือ แม้จะรับรู้ว่าต้องเสียพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด...รับรู้จากหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ ทว่าเธอกลับจำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้แม้แต่น้อย ร้ายยิ่งกว่าก็คือกระทั่งใบหน้าพ่อแม่ก็ยังเลือนหายจากความทรงจำ ?
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกให้ธเรษตรีตื่นจากภวังค์ เด็กสาวลุกไปเปิดประตูก็พบว่าผู้เป็นยายมาเรียกให้เธอออกไปรับประทานอาหารเย็น จริง ๆ แล้วธเรษตรีก็จำไม่ได้หรอกว่าชายหญิงชราที่มารับตัวเธอจากโรงพยาบาลนั้นเป็นญาติจริงหรือไม่ แต่ด้วยหลักฐานที่ปรากฏจากรูปถ่าย จึงทำให้เด็กสาววางใจว่าชายหญิงสูงวัยทั้งสองท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ตัวจริง
...
...
ธเรษตรีกลับขึ้นยังห้องนอนของตนหลังจากที่เสร็จสิ้นการรับประทานอาหาร บรรยากาศภายนอกเริ่มสลัวจากอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ทว่าสำหรับเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพมหานครนั้น เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นของชีวิตราตรี แสงสีจากป้ายโฆษณา จากร้านค้า รถราเริ่มส่องสว่าง
สาวน้อยไร้ความทรงจำหลับตาพักสมองเสียครู่ใหญ่ จากนั้นจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจเสียหนึ่งครั้ง ดวงตางามสวยราวเนื้อทรายชำเลืองมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
18.30...หกโมงครึ่ง
เด็กสาวถอนหายใจ เวลาสำหรับ ‘งาน’ ที่ต้องทำเป็นกิจวัตรใกล้เข้ามาทุกขณะ
แม้จะเป็นงานที่น่าอึดอัด ทว่าธเรษตรีจำต้องอดทน ด้วยเพราะเธอเชื่อว่างานที่ได้กระทำจะสามารถเรียกความทรงจำที่สูญหายให้กลับคืนมาได้ อีกทั้งคุณหมอผู้รักษาก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด ที่สำคัญก็คือมันเป็นเสียยิ่งกว่า ‘งาน’ นั่นก็คือตัวเธอรู้สึกลึก ๆ ว่ามันคือ ‘หน้าที่’ เสียมากกว่า
เด็กสาวลุกไปหยิบเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก่อนที่จะเดินเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ ก่อนจะเข้าประตูห้องน้ำเธอยังเหลือบมองเข็มวินาทีที่เดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
นาฬิกาเจ้าเอย ไฉนเจ้าจึงอดทนได้ดียิ่ง
ไม่เหนื่อยหรือไรที่ต้องเดินวนไปมาไม่เป็นที่รู้จบ
…
…
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางที่มีผมยาวสลวยอยู่ในชุดสีดำตั้งแต่ศีรษะจนจรดปลายเท้า ในมือมีผ้าเช็ดตัวที่กำลังจะนำไปตากที่ราวแขวน ส่วนอีกมือก็คือเสื้อผ้าที่ถูกผลัดเปลี่ยน บัดนี้มันถูกโยนลงสู่ตะกร้าสำหรับเตรียมซัก
ธเรษตรีในชุดสีดำเดินมาที่กระจก เธอจัดแจงแต่งหน้าเพื่อออกไปทำงาน เวลากลางคืนเช่นนี้เด็กสาวจึงจำต้องเลือกโทนสีแต่งหน้าที่ค่อนข้างเข้มนิดหน่อยจึงจะเข้ากับบรรยากาศ สถานที่ และที่สำคัญมันยังเข้ากับ ‘งาน’ ของเธออีกด้วย หลังจากจัดการใบหน้าและเครื่องทรงแล้ว สาวน้อยที่ไม่เหลือคราบของนักเรียนมัธยมจึงเดินมายังโต๊ะที่ตั้งอยู่ทางด้านหนึ่งของห้อง
ธเรษตรีหยิบอุปกรณ์บางอย่างออกจากลิ้นชัก ห่อผ้ากำมะหยี่สีดำที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเพียงเล็กน้อยถูกบรรจงคลี่ออก
ภายในห่อผ้าปรากฏกล่องไม้กล่องหนึ่ง อนงค์น้อยใช้มือเปิดฝาออกอย่างแผ่วเบาราวกับว่าหากเปิดโดยแรงจะทำให้สิ่งที่อยู่ภายในกล่องได้รับความเสียหายชำรุด
แผ่นการ์ดแข็งหลายใบวางทับซ้อนอยู่ภายใน แต่ละใบดูเก่าคร่ำคร่า ด้านหลังของทุกใบบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดหมู หากพลิกดูทางด้านหน้าก็จะพบรูปภาพโบราณที่งดงามราวกับถูกรังสรรค์ด้วยจิตรกรเอก
เด็กสาวในชุดสีดำสลับไพ่และตัดหนึ่งครั้งด้วยมือซ้าย ก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันนั้นปาดไพ่ในลักษณะหน้าคว่ำให้กระจายเรียงกันบนโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว
จากนั้นจึงหลับตา...อีกครั้งที่ใช้มือข้างซ้ายซึ่งใกล้หัวใจมากกว่าเป็นมือที่ใช้เลือกไพ่ เธอหยิบออกมาใบหนึ่งจากทั้งหมดราว ๆ ยี่สิบกว่าใบ
ด้านหน้าของไพ่ที่เลือกปรากฏรูปวาดอันมีลวดลายลักษณะคล้ายกงล้อวงกลมที่หมุนเวียนไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สลักอักษรที่บรรยายทางด้านล่างของภาพนั้นถูกจารึกไว้ว่า
The Wheel of Fortune ไพ่แห่งกงล้อชะตากรรม!
“จับทีไรก็ได้แต่ไพ่ใบนี้...ในฝันก็เหมือนกัน” เป็นประโยคแรกที่พึมพำกับตัวเอง ธเรษตรีรีบเก็บสำรับไพ่เข้ากล่องไม้ก่อนที่จะห่อด้วยผ้าสีดำ จากนั้นจึงหย่อนทั้งหมดลงในกระเป๋าถือขนาดย่อม ต่อจากสำรับไพ่ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ อีกเล็กน้อย
“โอ๊ะ! เกือบลืมป้าย” สาวน้อยอุทานก่อนจะเดินไปหยิบป้ายกระดาษที่พิมพ์ด้วยอักษรจากโปรแกรมเวิร์ดของคอมพิวเตอร์
‘แก้ไขปัญหาชีวิตด้วยไพ่ทาโรต์เพียงหนึ่งใบ’
นักพยากรณ์หันไปมองเข็มวินาทีอีกครั้ง มันยังคงทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่มีครั้งใดเลยที่มันจะเบื่อหน่ายต่อสิ่งซ้ำซาก แม้ว่ามีบางครั้งที่แบตเตอรี่เหือดแห้งหมดสิ้นไร้พลัง แต่หากได้เปลี่ยนพลังงานก้อนใหม่เข้าไป
ก็ไม่มีครั้งไหนที่เจ้าเข็มสีแดงจะอิดออดไม่ยอมเดิน
เด็กสาวในชุดดำยิ้มที่มุมปากเล็ก ๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้น อย่างน้อยเธอก็ยังมีตัวอย่างที่ดีสำหรับการทำหน้าที่ในเมืองหลวงอันแสนจะยุ่งเหยิง
ประตูห้องถูกปิดลง ชีวิตยามราตรีของเด็กสาวนักพยากรณ์กำลังจะเริ่มต้นเหมือนเช่นทุกวัน...ชีวิตที่วนเวียนไม่รู้จบสิ้น
หรือบางทีโชคชะตาอาจถูกชักนำโดยบางสิ่งที่ไม่อาจมองเห็น
กงล้อแห่งชะตากรรมกำลังเริ่มหมุน!