ตอนที่ 1
ฉันเลื่อนหน้าจอมือถือเล่นโซเชี่ยลมีเดียไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งหน้าจอโทรศัพท์มีกระทู้หนึ่งในพันทิปถูกแชร์มา เรื่องราวพูดถึงหญิงสาววัยสามสิบที่แอบชอบชายหนุ่มข้างบ้านจึงรีบกดเข้าไปดูด้วยความรวดเร็ว
สายตาเลื่อนกวาดอ่านด้วยใจเต้นรัว มันช่างคล้ายคลึงกับเรื่องราวของฉันนัก คุณพระคุณเจ้า! ฉันละเมอไปตั้งกระทู้เองหรืออย่างไร
ไม่สิ เรื่องในกระทู้เกิดมาหลายปีแล้วในขณะที่ของฉันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน หลังจากที่ฉันกำลังสาละวนอยู่กับการอาบน้ำเจ้าฉลาม สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนตัวเขื่องที่เลี้ยงไว้ มันสะบัดน้ำใส่ฉันจนเปียกปอน ฉันพยายามออกแรงยื้อมันไว้เพื่อจะล้างฟองสบู่ออก แต่เจ้าตัวแสบกลับดิ้นหนีทำให้ฉันลื่นล้มก้นกระแทกอย่างแรง ฉันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห แต่ยังไม่ทันได้อาละวาดใส่เจ้าฉลามเสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้นจากรั้วข้างๆ
เขาเป็นชายร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แว่นที่สวมอยู่กลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มดูแก่แต่กลับช่วยเสริมให้เขายิ่งดูมีเสน่ห์ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่สวมใส่นั้นมียี่ห้อดังบอกถึงระดับฐานะได้เป็นอย่างดี
แค่เพียงสำรวจเขาแวบเดียวก็บอกได้เลยว่าหัวใจของฉันอ่อนระทวยไปหมดแล้ว
เสียงเจ้าฉลามเห่าปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ฉันยันตัวเองลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปจับขาหน้าทั้งสองข้างของฉลามมาอาบน้ำต่อ
“มานี่สิฉลาม อย่าดื้อได้มั้ย”
“ชื่อฉลามเหรอครับ” ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นเอ่ยถามเสียงละมุน แค่ได้ฟังเพียงนิดฉันก็เหมือนจะถูกเขาสะกดไว้ด้วยเสียงอันไพเราะนั่นเสียแล้ว
“เจ้านี่ชื่อฉลามค่ะ ส่วนฉันชื่อเหมียว” ฉันว่า เก้อเขินหนักจนพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ แนะนำตัวเองทำไม แก้มสองข้างของตัวเองรู้สึกร้อนผะผ่าวด้วยความเขิน มือของตัวเองก็รู้สึกเก้กังไม่รู้จะเก็บไว้ตรงไหน จึงยกขึ้นมาจับผมทัดหูแก้เก้อ แต่กลายเป็นว่าฟองสบู่ที่ติดมือดันทำให้เลอะไปหมด
หนุ่มคนนั้นหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งผ่านรั้วมาให้ ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ่งมองยิ่งหลงเสน่ห์ โดยเฉพาะเวลาที่ริมฝีปากบางแย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร หัวใจฉันยิ่งสั่นไหวราวกับจะหลุดออกมาเต้นระบำข้างนอกเสียให้ได้
“เช็ดก่อนครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันเดินเข้าไปรับผ้าเช็ดหน้าของเขามาเช็ดแล้วก็แอบแปลกใจ
ปกติผู้ชายแท้เขาพกผ้าเช็ดหน้ากันด้วยเหรอ… หรือว่าเรดาร์ของฉันจะพังจับสัมผัสไม่ได้ว่าที่จริงแล้วเขาเป็น
ฉันหัวเราะแก้เก้ออีกครั้ง แล้วค่อยแนะนำตัวใหม่
“เหมียวค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“รามครับ”
“มาดูบ้านหรือคะ” ฉันถามอย่างมีความหวัง
มันคงจะดีไม่น้อยถ้าหมู่บ้านที่แสนเงียบเหงาจะมีชายหนุ่มรูปงามมาอยู่ใกล้ๆ ให้สาวโสดวัยสามสิบผู้ขึ้นไปปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่บนคานเรียบร้อยแล้วอย่างฉันได้มองเป็นอาหารตา
หมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่เป็นเพียงหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็กๆ ที่ไม่อาจเรียกว่าหมู่บ้านจัดสรรได้เต็มปาก ส่วนใหญ่บ้านที่ตั้งเรียงรายอยู่นี้ก็เป็นบ้านที่ชาวต่างชาติซื้อเก็บเอาไว้มาพักในช่วงใดช่วงหนึ่งของปีเท่านั้น มันจึงค่อนข้างเงียบเหงาเพราะไร้ผู้คนอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านมักจะปล่อยให้นักท่องเที่ยวมาเช่าในช่วงเทศกาลแต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีเลยไม่ค่อยมีใครเข้ามานัก
ฉันเลือกมาปักหลักอยู่ที่นี่เพราะอากาศค่อนข้างดี มีลมทะเลพัดมาอยู่ตลอดจึงรู้สึกเย็นสบายตลอดทั้งปี วันไหนอยากพักผ่อนหย่อนใจก็ขับรถออกไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงชายหาดขาว ได้สัมผัสน้ำทะเลใสๆ แล้ว ที่นี่จึงเป็นบ้านที่ฉันเลือกมาอยู่เพราะเอื้ออำนวยต่อการทำงานของฉันมาก
อาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะเป็นมาตลอด ฉันฝึกฝนพัฒนาตนเองมาอย่างยาวนานจนในที่สุดฉันก็ได้เป็นนักเขียนกับเขาเสียที บ้านหลังนี้จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะอย่างยิ่งในการปลดปล่อยจินตนาการให้โลดแล่น
“ครับ ผมเพิ่งย้ายมาจากอเมริกา กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ครับ” เขาแนะนำตนเองง่ายๆ มือหนาล้วงไปหยิบนามบัตรในกระเป๋ากางเกงส่งให้ฉัน
ฉันรับมาดูแล้วก็ต้องตาโตด้วยความตกใจ นามสกุลนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆ ของประเทศเชียวนะ แน่นอนว่าเขาจะต้องรวยมากแน่ๆ ดูจากเครื่องแต่งกายและรถคันหรูของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านแล้ว บอกได้เลยว่าไม่ใช่ระดับเศรษฐีใหม่แต่เป็นไฮโซแนวหน้าของแท้แน่นอน
“เหมียวไม่มีนามบัตรให้หรอกนะคะ เหมียวทำงานเป็นนักเขียน ขายงานออนไลน์อยู่บ้านน่ะค่ะ ไม่ดังด้วย” ฉันหัวเราะแก้เก้อไปอีกครั้ง
ก็จริงทั้งนั้น ที่ฉันแนะนำตัวไปล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านหลังนี้พ่อซื้อให้ล่ะก็ ลำพังรายได้จากการขายนิยายแต่ละเดือนยังไม่พอค่าเช่าบ้านเลยด้วยซ้ำ
เอาเถอะ กลับมาเรื่องตรงหน้าก่อน
คุณรามไม่ได้แสดงท่าทีเหยียดหยามฉันแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ส่งรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้รู้สึกหัวใจสั่นไหวมาให้เท่านั้น
“หมู่บ้านนี้สงบดีนะครับ เหมาะกับการเขียนนิยายเลย”
“ใช่ค่ะ ด้านในนั้นมีทางเชื่อมไปภูเขาด้วย แต่ว่าเป็นพื้นที่ของทหารนะ ถ้าเกิดจะไปออกกำลังกายชมวิวเฉยๆ น่ะวิวสวยเลยค่ะ” ฉันว่าพลางชี้ไม้ชี้มือเขาไปด้านในสุดซอย เห็นเงาภูเขาทอดเงาอยู่ไกลๆ
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มีทีท่าสนใจไม่เบา
“ผมคงต้องขับรถเข้าไปดูสักหน่อยแล้ว”
ไม่ทันได้พูดคุยต่อแต่อย่างใด เจ้าฉลามทั้งขู่ทั้งเห่าใส่คุณรามเสียงดัง มันพยายามจะกระโจนข้ามรั้วไปกัดเขา รั้วบ้านของฉันสูงแค่เพียงเอว กั้นบ้านแต่ละหลังไว้พอเป็นพิธีเท่านั้นไม่ได้มีความปลอดภัยอันใดแก่ชีวิต โชคดีของคุณรามที่เจ้าฉลามอ้วนลงพุงเลยกระโดดไม่ไหว ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ไปสานสัมพันธ์กับเขาต่อในโรงพยาบาลเป็นแน่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้หลาม” ฉันตวาดใส่เจ้าหมาขนฟูก่อนจะลากมันถูลู่ถูกังมาล่ามยังโซ่ที่คล้องอยู่กับโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน
คุณรามถอยร่นห่างออกจากกำแพงไปหน่อย คงเพราะกลัวจะโดนเจ้าฉลามทำร้ายเอา
ฉันล่ามเจ้าฉลามเสร็จก็หันกลับมาหาก็พบว่าเขาหันกลับไปสำรวจภายในบ้านเสียแล้ว
“อดคุยกับหนุ่มหล่อเพราะแกคนเดียว” บ่นกับตัวเองเสร็จก็หันไปค้อนเจ้าฉลามตาเขียว
ฉันคงจะฝันเฟื่องมากเกินไป เขาแค่มาดูบ้านเท่านั้นยังไม่ปักใจซื้อเสียหน่อย ฝันลมๆ แล้งๆว่าจะได้เจอเขาเสียแล้ว คิดได้ดังนั้นก็ตบหน้าตัวเองเบาๆ ก่อนจะไปลากเจ้าฉลามมาล้างฟองสบู่ให้เสร็จเรียบร้อย
เจ้าไซบีเรียนสีเทาเข้มถูกฉันลากอีกครั้งเพื่อมาเป่าขนให้แห้ง วันๆ ของฉันหมดไปกับการสาละวนอยู่แต่กับเจ้าตัวป่วน ได้มีเวลาทำงานจริงจังก็ช่วงกลางคืนเท่านั้น
ไดร์เป่าผมถูกปิดลงเมื่อฉันจัดการธุระของฉลามเสร็จ มันกระโดดโลดเต้นด้วยความลิงโลด ประหนึ่งว่าฉันทารุณกรรมกักขังมันไว้นานนับปีแสง
“ผมชอบนะครับ ยิ่งใกล้ชิดกับธรรมชาติแบบนี้ผมยิ่งชอบ” เสียงทุ้มของเขาดังมาถึงบ้านฉันทำให้คนหูดีไม่ต้องเงี่ยหูฟัง
เขาว่ากันว่าคนคลุกคลีอยู่กับหมาก็มักจะหูดีเหมือนหมา ฉันไม่เคยเชื่อว่ามันเป็นจริงจนกระทั่งวันนี้
“เชิญที่ร้านกาแฟหน้าปากซอยได้เลยนะครับ ผมเตรียมสัญญาซื้อขายไว้แล้ว เดี๋ยวเราไปคุยกันต่อที่นั่น ผมเลี้ยงเอง” น้ำเสียงของคุณภูภูมิเจ้าของบ้านฟังดูเปี่ยมสุข ไม่ต้องมองเห็นหน้าตาของเขาก็พอจะเดาออกว่าชายร่างท้วมคนนั้นคงยิ้มแก้มปริด้วยความดีใจ
ฉันเองก็แอบยิ้มอย่างพึงใจเช่นกัน
ได้ยินพวกเขาคุยกันเรื่องสัญญาเช่นนี้ก็แปลว่าดวงชะตาของเราสองคนสมพงศ์กันใช่ไหม ฟ้าถึงดลบันดาลให้เรามาอยู่ใกล้ชิดกันเช่นนี้
“จะซื้อเลยเหรอคะ ไม่ดูที่อื่นก่อนเหรอ แถวนี้ยังมีบ้านสวยๆ อีกเยอะนะคะราม” เสียงหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ฟังดูแล้วเหมือนจะสนิทสนมกับคุณรามมาก
หัวใจของฉันหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม ถอนหายใจออกมาเสียงดังด้วยความเสียดาย
ผู้ชายหล่อๆ แบบเขามีหรือจะโสด! ผู้หญิงที่ไหนจะปล่อยผู้ชายโปรไฟล์ดีขนาดนี้ให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ ฉันนี่ช่างฝันเฟื่องเสียจริง คิดได้ยังไงว่าจะหลุดมือมาถึง
“ไปก่อนนะครับคุณเหมียว สวัสดีครับ” คุณรามตะโกนบอก
ฉันจึงยิ้มแห้งให้ แล้วโบกมือลาแทนการกล่าวถ้อยคำใดๆ
บอกตามตรงตอนนี้ฉันค่อนข้างผิดหวังช้ำใจอยู่นิดๆ ทำไมสวรรค์ใจร้ายมอบผู้ชายหล่อเลิศมาไว้ข้างบ้านแต่ดันให้เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วด้วยเล่า แล้วสาวโสดวัยสามสิบผู้ไม่ค่อยได้พบปะผู้คนอย่างฉันจะต้องขึ้นคานอยู่เหงาๆ ในบ้านอย่างนี้ต่อไปเช่นนั้นหรือ
พอหมดวันเรื่องของคุณรามก็เลือนหายไปตามกาลเวลา ฉันยังมีหน้าที่ มีอะไรให้สนใจอีกเยอะแยะ ซีรีย์เกาหลีที่ดองไว้หลายเรื่องก็ยังไม่ได้ดู นิยายเรื่องล่าสุดที่เขียนเอาไว้ก็ยังเขียนไม่จบ ฉันเลยกลับมาโฟกัสกับชีวิตของตนเองตามเดิม
ผ่านไปได้สามวัน เจ้าฉลามก็เห่าเสียงดังทำให้รู้ว่าบ้านข้างๆ ถูกเปิดอีกครั้ง คุณรามกลับมาพร้อมกับรถสีดำคันหรูของเขา เขาลงจากรถมาเปิดรั้วออก เมื่อเห็นว่าฉันมองอยู่ก็คลี่ยิ้มอบอุ่นให้
หัวใจของฉันสั่นไหวอีกครั้ง ฉันรู้สึกราวกับถูกรอยยิ้มของเขาหลอมละลาย ขวยเขินไปหมด ใบหน้าร้อนผะผ่าว รู้ตัวเองได้ในทันทีว่าตอนนี้ใบหน้าคงแดงเหมือนลูกตำลึง
“ย้ายเข้ามาอยู่แล้วเหรอคะ”
“ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” คุณรามว่าก่อนจะกลับขึ้นรถไปเพื่อขับเข้ามาจอดในรั้วบ้าน จอดรถเรียบร้อยเขาก็ลงมาปิดรั้ว คล้องกุญแจไว้อย่างลวกๆ แล้วจึงกลับมาที่รถเพื่อขนกระเป๋าเสื้อผ้าลง
ฉันมองเขาขนของลงจากรถด้วยความงงงวย ผู้ชายคนนี้มีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวกับกระเป๋าใส่เอกสารอีกหนึ่งใบเท่านั้น!
“แฟนไม่ย้ายมาด้วยเหรอคะ” ฉันแสร้งถาม ทั้งที่รู้ว่ามันไร้มารยาทแต่เพื่อให้ได้คำตอบ ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“ผมอยู่คนเดียวครับ แฟนไม่อยู่ด้วยแล้ว” รอยยิ้มเย็นเยียบผุดพรายบนใบหน้า
ฉันเดาว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะนอกใจเขาแล้วก็เลิกกันไปแล้วก็ได้ ไม่เอาสิ ฉันควรหยุดมโน
“ทะเลาะกันเรื่องบ้านเหรอคะ คราวก่อนได้ยินว่าเธอไม่ค่อยชอบใจบ้านหลังนี้เท่าไหร่ อุ้ย! ขอโทษนะคะที่ละลาบละล้วง” ฉันจ้อไปเรื่อย ไม่สามารถปิดความดีใจของตัวเองได้มิด ยอมรับตามตรงเลยว่าในหัวฉันปักใจไปแล้วว่าพวกเขาเลิกกัน และฉันมีโอกาสเข้าเสียบ
“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอกครับ ผมซื้อบ้านหลังนี้เพราะคุณต่างหาก” เขาบอกเสียงเรียบแต่คำพูดของเขากลับทำให้ฉันคิดไปไกล
เพราะฉันเหรอ เขาซื้อบ้านหลังนี้เพราะฉัน! ฉันแอบกรีดร้องอยู่ในใจ เขินอายจนแทบจะบิดตัวเองม้วนเป็นเกลียว
“ครับ เพราะคุณคือคนที่ผมอยาก…มากที่สุด” เสียงเจ้าฉลามเห่าอย่างเอาเรื่องทำให้ฉันไม่ได้ยินสิ่งเขาพูด
เขาอยากอะไรฉันนะ?
อันจะถามซ้ำอีกรอบก็ดูกระไรอยู่ ขอคิดเองเออเองว่าเขามีใจให้ก็แล้วกัน ฉันอดรนทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว เลยขอตัวหลบเข้าบ้านไปตั้งสติ
“ฝากเนื้อฝากตัวเช่นกันนะคะ ขอตัวจัดการกับฉลามก่อนนะ” พูดจบก็รีบลากฉลามเข้าบ้าน ทิ้งให้คุณรามมองฉันจนลับสายตา